หน้าหลัก ชีวประวัติ หนังสือและเทป ฐานิโยธรรม วัดป่าสาลวัน บูรพาจารย์เจดีย์ ลิงค์เวบศาสนา เกี่ยวกับเวบไซต์นี้
สร้างธรรมในใจ สู้ภัยเศรษฐกิจ
พระราชสังวรญาณ (พุธ ฐานิโย)
วัดป่าสาลวัน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
มิจฉาทิฏฐิพาชาติวิบัติ
มาสมัยโลกาภิวัตน์ เราไปรับเอาวัฒนธรรมตะวันตกมากลบเกลื่อนวัฒนธรรมอันดีงามของเรา บางทีเราก็ลืมของดีของเราไป ไปนิยมชมชอบของฝรั่ง เอาวัฒนธรรมของชาวฝรั่งมา เมื่อจิตใจของเราหันไปชมชอบวัฒนธรรมของเขา มันก็เอียงไปนิยมชมชอบเครื่องอุปโภคบริโภคของเขา
นี่มิจฉาทิฏฐิกำลังเกิดขึ้นแล้ว
เพราะอาศัยความเข้าใจผิดเห็นผิดว่าของเรานี่มันคร่ำครึ สู้ของฝรั่งไม่ได้ ไปเอาของฝรั่งมา เราไปนิยมของเขาเราก็สั่งซื้อของเขาเข้ามาทีละหลาย ๆ แสนล้าน เงินทองมันก็รั่วไหลออกไปต่างประเทศ ซื้อเข้ามาเท่าไรก็ไม่พอ เมื่อเงินทองมันไหลออกนอกประเทศ เงินคงคลังมันก็น้อยลงจนหมดเกลี้ยง เมื่อมันหมดแล้วเราก็ต้องกู้เงินเขามาลงทุนอีก
มันเกิดจากมิจฉาทิฏฐิที่เราหลงไปนิยมชมชอบของเขา
ไปทิ้งของดีของเรา
ด้วยประการฉะนี้ ประชาชนพลเมืองของไทยเรา จึงตกเป็นลูกหนี้ของต่างประเทศทั้งประเทศ
สัมมาทิฏฐิพาชาติพ้นภัย
เราเป็นลูกไทยหลานไทย
ลูกไทยหลายไทยย่อมมีวัฒนธรรม
และศีลธรรมประจำชาติของตนเอง
คือ ศาสนา
ศาสนาคือคำสอนของพระศาสดา คือ พระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าสอนให้เรามีความสำนึกผิดชอบชั่วดี สอนให้เรารู้จักความเป็นไทยของตนเอง สอนให้รู้จักดำรงรักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรมและขนบประเพณีอันดีของไทย ถ้าตราบใดที่เรายังนิยมชมชอบวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมอันดีของไทย เราก็เป็นลูกหลานไทยโดยสมบูรณ์
พยายามสร้างความรู้สึกที่เป็นสัมมาทิฏฐิขึ้นในจิตในใจ
เมืองไทยเรามีวัฒนธรรมศีลธรรมอันดีงามมาตั้งแต่เก่าแก่โบราณ ถ้าหากว่าเราหันไปนิยมชมชอบวัฒนธรรมขนบประเพณีของชาวต่างประเทศ จิตใจของเราเขวไปข้างมิจฉาทิฏฐิ ไปทอดทิ้งของดีที่มีประจำบ้านประจำเมืองของเรา ถ้ามีความรู้สึกดูหมิ่นวัฒนธรรมของตน หันไปนิยมชมชอบเครื่องอุปโภคบริโภคของชาวต่างประเทศ
เป็นมิจฉาทิฏฐิ เป็นมิจฉาอาชีวะ คือเลี้ยงชีวิตผิดหลัก
ทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองไทยเรามีพร้อม เกษตรกรรมประจำครอบครัว อุตสาหกรรมประจำครอบครัว เรามาปลูกความนิยมชมชอบซึ่งสิ่งที่เราผลิตขึ้นได้ในบ้านในเมืองของเรา
คนไทยใช้ของไทย รับประทานของไทย เราจะอยู่รอด

ทุกข์เพราะฝืนกฎธรรมชาติ
คำสอนของพระพุทธองค์ ในส่วนที่เป็นสภาวธรรม หรือธรรมะที่เป็นเครื่องรู้ของจิต เครื่องระลึกของสติของพระพุทธองค์ หมายถึงอะไรบ้าง
หมายถึง กายกับใจของเรา สถานการณ์และสิ่งแวดล้อมที่เราสัมผัสรู้ด้วยตา หู จมูก ลิ้น กาย หรือใจ จะเป็นอะไรก็ได้ทั้งสิ่งที่เป็นไปโดยคดีโลกและคดีธรรม รวมแล้วว่าสิ่งใดที่เราสามารถรู้ได้ด้วยจิตด้วยใจ สิ่งนั้นแหละเป็นสภาวธรรม สิ่งที่มาสัมผัสตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ธรรมารมณ์ สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นสภาวธรรม เป็นธรรมสิ่งรู้ของจิต สิ่งระลึกของสติของพระพุทธเจ้าและของพุทธสาวกผู้ปฏิบัติธรรม หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่มีอยู่ในจักรวาลนี้ ตั้งแต่อณู ปรมาณู จนกระทั่งมวลสารที่เกาะกลุ่มกันเป็นก้อนใหญ่โต เขามีกฎธรรมชาติตายตัวอยู่ ๓ อย่าง คือ อนิจจัง ไม่เที่ยง ทุกขัง ทนอยู่ตลอดกาลไม่ได้ อนัตตา ไม่เป็นตัวของตัวเอง ซึ่งมันเป็นกฎธรรมชาติที่จะต้องเป็นไปอย่างนั้น แม้แต่ร่างกายของเราเกิดมาแล้วก็ต้องแก่ เจ็บ ตาย สิ่งทั้งหลายเหล่านี้เป็นกฎของธรรมชาติทั้งนั้น สภาวะทั้งหลายมันเกิดขึ้นแล้วก็ทรงอยู่ ดับไป ความเปลี่ยนแปลงทั้งหลายเหล่านั้น เรียกว่า อนิจจัง คือความไม่เที่ยง ในปัจจุบันนี้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงที่สุดซึ่งกระทบกระเทือนต่อความรู้สึกของชาวบ้านชาว เมืองเรา ค่าเงินบาทมันลอยตัวดอลลาร์มันขึ้นสูง เมื่อก่อนเงินของเรา ๒๕ บาท ซื้อดอลลาร์ได้เหรียญหนึ่ง แต่เดี๋ยวนี้มันต้องเพิ่มไปถึง ๕๐ กว่าบาท อันนี้ก็คือความเปลี่ยนแปลง ซึ่งอยู่ในกฎพระไตรลักษณ์
ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นไปตามกฎธรรมชาติของเขา
แล้วทำไมหนอ
มนุษย์เราจึงต้องไปทุกข์ไปเดือดร้อน
ที่เราต้องทุกข์ต้องเดือดร้อน
เพราะเราไปสำคัญผิด สำคัญผิดในชื่อของเราเอง
ที่มันไปทุกข์ไปร้อนกับสิ่งเหล่านี้ ก็เพราะว่ามนุษย์เรานี่มันภูมิใจในชื่อของตัวเอง ดันทุรังไปแปลชื่อของตัวเองว่า มนุษย์ แปลว่า ผู้มีใจสูง ในเมื่อสำคัญว่าตัวมีใจสูง ตัวเองก็
ทนงตัวว่าเรามีอำนาจบาตรใหญ่ เที่ยวไปเอาอำนาจตัวเองไปเบ่งทับสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ เช่น จะไปบังคับความแก่ไม่ให้แก่ บังคับความเจ็บไม่ให้เจ็บ บังคับความตายไม่ให้ตาย บังคับไม่ให้เงินบาทมันลอยตัว ในเมื่อสิ่งนั้นมันขัดใจเรา เราเกิดความไม่พอใจเราก็เป็นทุกข์ ทุกข์ตัวนี้ เป็นทุกข์อริยสัจที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ ทุกข์อริยสัจนี่ หมายถึงทุกข์ที่เกิดกับจิตโดยส่วนเดียว อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา หมายถึงความเปลี่ยนแปลงของสภาวะที่มีอยู่ในโลกนี้ แต่สิ่งนั้นเปลี่ยนแปลงไปตามกฎธรรมชาตินั่นแหละ บางอย่างมันขัดใจเรา เราก็เกิดทุกข์เพราะเหตุนั้น เช่น บางครอบครัวลูกตายเสีย เมียตายจาก ทรัพย์สมบัติอันตรธานสูญหาย อันนั้นมันก็เป็นไปตามกฎธรรมชาติ ตามกฎของกรรม ทีนี้เราไม่พอใจ เราก็เกิดทุกข์เพราะเหตุนั้น ความอันตรธานของสิ่งที่เรามีอยู่นั้นมันเป็นไปตามกฎธรรมชาติของพระไตรลักษณ์แต่ว่าเมื่อเราเอาจิตของเราไปสอดแทรก จะไปบังคับขัดขวางไม่ให้เป็นไปอย่างนั้น มันขัดใจเรา เราเกิดโทมนัสน้อยใจ เราเกิดทุกข์ ทุกข์ตัวนี้มันเกิดที่ใจ ทุกข์ใจ เป็นทุกข์อริยสัจที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ และทุกข์ใจตัวนี้มันเกิดมาจากไหน
เกิดมาจากความยินดีซึ่งเรียกว่า กามตัณหา
เกิดจากความยินร้ายคือ วิภวตัณหา
เกิดจากความยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นของของเราคือ ภวตัณหา เพราะฉะนั้นมันจึงทุกข์
ปัจจุบันนี้ไปที่ไหน ไม่ว่าชนบทหรือในกรุง ไปได้ยินแต่คำว่า ค่าเงินบาทมันลดลง ค่าดอลลาร์มันสูง มันถึงคราวแล้วญาติโยมทั้งหลาย ที่เราต้องทำจิตทำใจ เราต้องเตรียมตัวเตรียมใจ เคยบริโภคสิ่งของราคาแพง ๆ ก็ลดลงมา มันก็เป็นการลดค่าครองชีพ
เพราะฉะนั้น ธรรมะอันเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า ได้แก่ สภาวธรรมอันเป็นสิ่งรู้ของจิต สิ่งระลึกของสติ มันตกอยู่ในอำนาจของพระไตรลักษณ์
ธรรมะพาพ้นภัย
ความจริงใจต่อความเป็นไทย
อดทนต่อความทุกข์ยากลำบาก
แล้วพยายามช่วยตนเองโดยทุกวิถีทาง
เราจะอยู่รอด
พระพุทธเจ้าสอนเราว่า อัตตา หิ อัตโน นาโถ ทุกคนต้องเป็นที่พึ่งของตนเอง แม้ศาสนาคริสต์เขาสอนว่า พระเจ้าช่วย ๆ ถ้าเราไปอ่านคัมภีร์เขาให้ลึกซึ้ง ก็จะสรุปลงได้ว่า พระเจ้าจะช่วยเฉพาะบุคคลที่พยายามช่วยตัวเองเท่านั้น มันก็ อัตตา หิ อัตโน นาโถ นั่นเอง เพราะฉะนั้นการแก้ปัญหาต่าง ๆ มันอยู่ตรงที่ว่า ทุกคนต้องพยายามช่วยตัวเอง ใครมีหน้าที่อะไร ใครเป็นข้าราชการ ก็พยายามทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ใครเป็นนักเรียนนักศึกษา ก็พยายามทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ใครเป็นพระเป็นสงฆ์ ก็พยายามทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ให้เป็นแนวทางที่จะช่วยตนเองให้พ้นจากความทุกข์ความเดือดร้อนได้ เราก็อยู่ได้
นอกจากนี้ พยายามทำจิตทำใจของเราให้เลิกการนิยมสิ่งแปลก ๆ ซึ่งมาจากต่างประเทศ ให้มันน้อยลง ๆ ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ใช่ว่าเราจะไปปฏิเสธว่าของเขาไม่ดี แต่เราควรจะคัดเลือกเอามาให้มันเหมาะสมกับบ้านเมืองของเรา อันนี้เราเอามาทั้งดุ้น แล้วมาฝึกประชาชน กุลบุตรของเรา ให้เป็นมิจฉาทิฏฐิกันโดยหันหลังให้วัฒนธรรมอันดีของไทย
สร้างจิต คือฟื้นฟูความรู้สึกของเราที่มันหลงลืมและทอดทิ้งของดีของบ้านเมืองเราให้มันตื่นมาอีกครั้ง ในเมืองไทยของเรานี่ มันมีทางเดียวเท่านั้นที่จะแก้ปัญหาอย่างปัจจุบันนี้ได้ คือ ฟื้นฟูเกษตรกรรมแบบผสมผสาน ปรับปรุงเศรษฐกิจพอเพียงตามนโยบายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นนโยบายที่ยอดที่สุด และตรงกับชีวิตจริงของคนไทยด้วย
อยุธยาไม่สิ้นคนดี
มีใคร ๆ เขามาถามว่า "เมืองไทยเราจะอยู่รอดไหม" ก็เลยบอกว่า "ไปถามผู้บริหารประเทศชาติ" หลวงพ่อคิดว่าจะอยู่รอดเมืองไทยเราถึงจะเป็นอย่างไรมันก็ไม่ถึงกับต่างประเทศบางประเทศที่เขาเป็นในปัจจุบัน คนไทยเราโดยปกติธรรมดานี่เวลาบ้านเมืองปกติ บางทีก็คล้ายกับว่าจะไม่สามัคคีกลมเกลียว บ้านอยู่ติดกันมองข้ามกำแพงบ้านเกิดทะเลาะกันแล้ว แต่เวลาบ้านเมืองเกิดวิกฤติการณ์ขึ้นมา ถึงคราวบ้านเมืองจะล่มจมคนไทยจะเกาะกันเป็นกลุ่มแน่นหนามั่นคง หลวงพ่อว่าที่บรรพบุรุษท่านพูดเป็นคำขวัญว่า อยุธยาไม่เคยสิ้นคนดี คำพูดของบรรพบุรุษของเราคำนี้มันเป็นอมตะ พอถึงคราวจะล่มจม มันจะมีคนดีขึ้นมา มารื้อฟื้นของดี ๆ ของเราคืนมา เวลานี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็กำลังรื้อฟื้นแผ่นดิน ไร่นาผสมผสานของพระองค์นั่นแหละดีที่สุด มันเลี้ยงเรามาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย เกษตรกรรมประจำครอบครัว ทำนา ทำสวน เลี้ยงสัตว์
สมัยที่หลวงพ่อเป็นเด็ก กำลังหนุ่มแน่น เป็นลูกชาวนา ทำไร่ทำนา ถึงปีมาเราทำนากันทุกปี เวลาว่างไปทำสวน ปลูกผักปลูกหญ้า บางทีไร่นามีสระเลี้ยงปูเลี้ยงปลา เวลาน้ำหลากมามาก เราจับปูจับปลา ทำกะปิ ทำปลาร้า ทำน้ำปลา ในสวนเราก็มีผักมีหญ้า เครื่องครัวเครื่องอยู่เครื่องกินของเรามีพร้อมหมด ในเมื่อเรามีสิ่งเหล่านี้ เราจะไปเดือดร้อนอะไร เวลาหิวมา เราก็มองเห็นข้าวเปลือกอยู่ในยุ้งในฉาง เราก็ตักเอามาตำมาซ้อม มานึ่งมาหุง กับไม่มี มองลงไปใต้ถุนบ้านก็มีเล้าเป็ดเล้าไก่ มองไปในสวนก็มีผักมีหญ้า มีพริกมีมะเขือพร้อมบริบูรณ์หมด ในเมื่อเรามีทุกสิ่งทุกอย่างนี้ เราจะไปเดือดร้อนอะไร ทีนี้คนทำไร่ทำนามีข้าวเปลือก คนทำราชการ ไม่ได้ค้าขาย ไม่ได้ทำไร่ทำนา ก็อาศัยพวกชาวไร่ชาวนาเอาข้าวมาขาย มันก็จุนเจือมาอยู่ได้ตั้งแต่หลายชั่วอายุคนแล้วเพราะอาศัยเกษตรกรรมประจำครอบครัว อุตสาหกรรมประจำครอบครัว อาหารเราผลิตเองได้ เครื่องอุปโภค เครื่องนุ่งห่มเราทำเอาเองได้
อันนี้มันเป็นเรื่องของเกษตรกรรมประจำครอบครัว อย่าลืมว่าเกษตรกรรมจะเป็นผู้ครองโลก สมัยปัจจุบันนี้ วัตถุดิบในป่าในดงมันร่อยหลอลงไปและหมดไปทุกที โรงงานอุตสาหกรรมเชิญสร้างลงไป ถ้าพืชเกษตรไม่มีป้อนโรงงาน โรงงานก็อยู่ไม่ได้
เพราะฉะนั้นอย่าลืมนึกถึงอดีต
อย่าไปนึกว่าคนรุ่นปู่ย่าตายายของเรานี่เป็นคนครึ
ล้าสมัย ไม่ทันสมัย เป็นเต่าล้านปี
เป็นมนุษย์สมัยไดโนเสาร์
อันนี้มิจฉาทิฏฐิมันกำลังเกาะกินใจของเรา
วัฒนธรรมชาวตะวันตกเขานิยมวัตถุ
แต่เอเชียเรานี่นิยมคุณธรรม
อบรมสั่งสอนกันให้มีคุณธรรม ให้มีความรัก
ความเมตตาปรานี เราอยู่ร่วมกันได้
อย่ามองข้ามของดีที่เมืองไทย
เราต้องย้อนกลับมาพิจารณาดู สิ่งที่เรามีมาตั้งแต่เก่าแก่ดั้งเดิม วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีอันดีของประเทศ ของบ้าน ของเมือง ที่ปู่ย่าตายายของเรายึดเป็นหลักปฏิบัติและดำรงชีพกันมาตลอด รื้อฟื้นขึ้นมา มันเป็นอมตะ มันเป็นของดีที่ไม่สูญสลาย แต่ว่าเราไม่รู้จักคุณค่า
ในเมืองไทยนี่มีดีทุกอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างพลังจิต พลังสมาธิของเรา เป็นต้น แล้วบางทีชาวต่างประเทศที่ฉลาด ๆ เขามามอง ๆ ดู แล้วก็ตั้งเป็นหลักสูตรมาเผยแพร่ให้คนไทย เช่น พลังจักรวาล เป็นต้น พลังจักรวาลนี่ก็คือวิธีการสร้างพลังจิตนั่นแหละ
การสร้างพลังจิตของเรามีมาตั้ง ๒,๒๔๑ ปี ตั้งแต่พุทธศาสนาเข้ามาสู่เมืองไทยของเรา แต่เนื่องจากเรามองข้ามของดีที่เรามีอยู่ นิสัยคนไทยนี่ชอบของใหม่ของแปลก
พลังจักรวาลนี่มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ในตัวของเรานี่มันมีธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ อากาศธาตุ วิญญาณธาตุ แล้วก็มีธาตุเหล็กผสมผสานอยู่ในเนื้อในหนังในเลือดเรา ในดวงอาทิตย์มีสนามแม่เหล็ก ดวงจันทร์ ดวงดาว มีสนามแม่เหล็ก ในโลกที่เราอาศัยอยู่ก็มีสนามแม่เหล็ก การสื่อสารของสนามแม่เหล็กคือ พลังไฟฟ้า ทีนี้ในตัวเรานี่ ในเมื่อเราสามารถสร้างจิตของเราให้มันนิ่งอยู่ในจุดหนึ่งจุดใดอย่างแน่วแน่ พลังในจักรวาลมันจะวิ่งเข้ามารวมในจุดนั้น ทำให้เราเกิดมีพลังจิตพลังใจ ปู่ย่าตายายเราเคยใช้กันมาหลายชั่วอายุคนแล้ว สมัยที่โรงพยาบาลยังไม่มีมากมาย เราก็อาศัยการอมยาพ่นฝนยาทาตามประสา การพ่นการเป่าคือการใช้พลังจิต หรือบางทีอาจท่องมนต์ ทำน้ำมนต์อะไรทำนองนี้ ใช้พลังจิตทั้งนั้น แต่คนสมัยใหม่ เขามาบัญญัติศัพท์เรียกว่า พลังจักรวาล ให้มันแปลก แล้วคนทั้งหลายจะได้สนใจ
บ้านเมืองเรานี่ คอมมิวนิสต์เต็มบ้านเต็มเมืองเรายังปราบอยู่ บารมีของประเทศนี่มันเท่าไร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยรับสั่งถามหลวงปู่ฝั้นว่า "ต่อไปนี้บ้านเมืองไทยเราจะเป็นอย่างไร" "ไม่เป็นไรหรอก มหาบพิตร บ้านเมืองเราเป็นเมืองพุทธศาสนา มีศีลมีธรรม ใครมาเบียดเบียนเมืองไทย ธรณีจะสูบมัน" เพราะฉะนั้นในฐานะที่ท่านทั้งหลายเป็นผู้มีส่วนรับผิดชอบความเสื่อมความเจริญของบ้านของเมือง ขอได้โปรดมั่นใจว่าเราจะต้องอบรมกุลบุตรของเราให้มีวิชาความรู้ มีความสามารถในการที่จะรับมรดกตกทอดจากบรรพบุรุษ สำหรับหลวงพ่อเองมั่นใจว่าประเทศไทยเราจะไม่ล่มจม สมัยที่เป็นเด็กนักเรียน เรียนประวัติศาสตร์ ครูท่านสอนว่า ทวีปเอเชียมี ๑๒ ประเทศ ตกเป็นเมืองขึ้นของชาวยุโรปเกือบทั้งหมด ยังเป็นเอกราชอยู่ ๓ ประเทศ คือ จีน ไทย ญี่ปุ่น สมัยนั้นประเทศไทยมีพลเมือง ๑๐ กว่าล้าน ญี่ปุ่นมีร้อยล้าน จีนมีเป็นพันล้าน แต่ไทยมีพลเมือง ๑๐ กว่าล้านยังอุตส่าห์เป็นเอกราชอยู่ได้ จะว่าไทยเราไม่เก่งอย่างไร
เพราะฉะนั้นไทยเราต้องเก่งตลอดเวลา เก่งมาแล้วก็ต้องเก่งต่อไป เพราะฉะนั้นไม่ต้องหวั่นวิตก ขอให้เรามีความจริงใจ อดทน อย่างเดียวเท่านั้น
ฝึกจิต พิชิตทุกข์
เราสามารถปฏิบัติสมาธิไปกับงานต่าง ๆ โดยเอางานเป็นอารมณ์ กำหนดสติให้รู้ตามการยืน เดิน นั่ง นอน รับประทาน ดื่ม ทำ พูด คิด การปฏิบัติแบบนี้ การที่จิตจะสงบวูบวาบลงไปเป็นสมาธิ สว่างไสว อาจจะช้า แต่ว่าเราได้พลังงานทางสติเป็นตัวเด่น เมื่อเรามีพลังงานทางสติเป็นตัวเด่น แม้จิตเราไม่สงบละเอียดลงไป แต่เราจะมีสติสัมปชัญญะรู้เท่าทันเหตุกาณ์หรือสถานการณ์แวดล้อมของเราดีขึ้น
เพราะฉะนั้นใครจะสร้างพลังจิตของตนเอง
ทำจิตของตนเองให้มีพลังงาน
เราต้องทำจิตของเราให้มีสิ่งรู้
สติมีสิ่งระลึก จะเป็นอะไรก็ได้

พยายามฝึกจิตของเราให้มีสติปัญญา ยอมรับสภาพความจริงที่เราเป็นอยู่ในปัจจุบันนี้ คนที่คิดสั้นฆ่าตัวตาย เพราะขาดสติ ขาดสมาธิ ขาดปัญญา ไม่ยอมรับสภาพความจริง คนที่ไม่มีสติปัญญา ยากที่จะรับความจริงได้ จิตที่ยอมรับสภาพความจริงได้ ต้องเป็น…
จิตที่มีความมั่นคง มีสติสัมปชัญญะ มีปัญญา
กลับหน้าหลัก