บทสวดมนต์ที่เราจะยึดเป็นหลัก วิธีปฏิบัติ ถ้าเรามีดอกไม้ ธูป เทียนบูชาพระพุทธรูป ก็ให้กล่าวคำว่า
อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง ปูเชมิ
อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง ปูเชมิ
อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง ปูเชมิ
อันนี้เป็นคำบูชาพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เพื่อโน้มน้าวจิตของเราให้มีความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ อันดับต่อไปก็
อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบทีหนึ่ง)
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบทีหนึ่ง)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ (กราบทีหนึ่ง)
ทีนี้ก็มาสำรวมจิตให้แน่วแน่ต่อคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ กล่าวนะโม ๓ จบ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ
ต่อไปสำรวมจิต สวดบทอิติปิโส
อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ วิชชาจะระณะสัมปันโน
สุคะโต โลกะวิทู อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ สัตถา เทวะมะนุสสานัง
พุทโธ ภะคะวาติ (กราบทีหนึ่ง)
แล้วสวดบทสวากขาโตต่อไป
สวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติ(กราบทีหนึ่ง)
สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สามีจิปะฏิปันโน
ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ อาหุเนยโย
ปาหุเนยโย ทักขิเณยโย อัญชะลีกะระณีโย อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติ (กราบทีหนึ่ง)
ทีนี้อันดับต่อไปก็ตั้งใจเจริญพรหมวิหาร
อะหัง สุขิโต โหมิ
นิททุกโข โหมิ
อะเวโร โหมิ
อัพยาปัชโฌ โหมิ
อะนีโฆ โหมิ
สุขี อัตตานัง ปะริหะรามิ
อันนี้บทเมตตาตน ต่อไปก็แผ่เมตตาสัตว์
สัพเพ สัตตา สุขิตา โหนตุ
สัพเพ สัตตา อะเวรา โหนตุ
สัพเพ สัตตา อัพยาปัชฌา โหนตุ
สัพเพ สัตตา อะนีฆา โหนตุ
สัพเพ สัตตา สุขีอัตตานัง ปะริหะรันตุ
นี่บทแผ่เมตตา ทีนี้ก็สวดบทกรุณาต่อไป
สัพเพ สัตตา สัพพะทุกขา ปะมุจจันตุ
สัพเพ สัตตา ลัทธะสัมปัตติโต มา วิคัจฉันตุ
อันนี้ เป็นบทมุทิตา ทีนี้สวดบทอุเบกขาต่อไป
สัพเพ สัตตา กัมมัสสะกา กัมมะทายาทา กัมมะโยนี กัมมะพันธู กัมมะปะฏิสสะระณา ยัง กัมมัง กะริสสันติ กัลยาณัง วา ปาปะกังวา ตัสสะ ทายาทา ภะวิสสันติ.
อันนี้เป็นยอดแห่งบทสวดมนต์ ให้ทุกคนพยายามท่องจำให้ได้ แล้วพยายามสวดทุกวันๆ ทั้งเวลาเช้าเวลาเย็น ถ้ามายึดบทสวดตามที่กล่าวนี้อย่างมั่นคงแล้วก็ตั้งใจสวดอย่างต่อเนื่องกันทุกวันๆ
ไม่ต้องไปสวดคาถาบทอื่นก็ได้ ให้สวดเฉพาะเท่าที่กล่าวมานี้ ทำจิตให้มั่นคงต่อบทสวดนี้อย่างแน่วแน่ ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎก คาถาชินบัญชร หรือคาถาอื่นๆ นี้ ไม่จำเป็นต้องสวดก็ได้
มีนายคนหนึ่งมาหาหลวงพ่อเมื่อ ๒-๓ วันมานี่ เขามาปรึกษาว่า "ทำไมผมยิ่งสวดมนต์ ขยันสวดมนต์ สวดคาถาชินบัญชรวันละ ๙ จบ ๑๐ จบ บทอื่นก็หลายจบ หนังสือยอดพระกัณฑ์ไตรปิฎกนี่ผมจำได้และสวดได้หมดทุกตัว
ผมนั่งสวดมนต์อยู่เป็นชั่วโมงสองชั่วโมง ยิ่งสวดมนต์ไปเท่าไรแทนที่ว่าจิตมันจะเย็นลง มันกลับทำให้ร้อน นอกจากมันจะทำให้ร้อนแล้ว ผมกับภรรยาของผมต่างคนต่างสวดเก่งเหมือนกัน
แต่พอออกจากห้องพระมาแล้วหาเรื่องทะเลาะกันทุกที ทำไมมันจึงเป็นอย่างนั้นหลวงพ่อ" หลวงพ่อก็บอกว่า "บทสวดมนต์ตามที่คุณสวด มันมีแนวโน้มไปในทางไสยศาสตร์ ไสยศาสตร์นี่ ถ้าเกิดสวดมาก ๆ เข้า
มันเกิดมีอาถรรพณ์ มันเป็นพลังมนต์ครอบคลุมจิต มนต์ไสยศาสตร์ทำให้เกิดพลังร้อน เมื่อเกิดพลังร้อนแล้วมันก็อยากจะลองของ ในเมื่อหาใครที่จะมาเป็นคู่ปะทะหรือทะเลาะไม่ได้ก็ทะเลาะกันเอง คนบางคนสวดมนต์ทางไสยศาสตร์
ยิ่งสวดมากเท่าไรจิตใจก็ยิ่งโหดเหี้ยม นั่งสมาธิภาวนาสวดมนต์เวลาค่ำคืน ๕ ทุ่ม ๖ ทุ่ม พอออกจากที่สวดมนต์ ที่นั่งสมาธิมาแล้วมาทุบตีเมียของตัวเอง อันนี้มันเป็นเพราะพลังมนต์ไสยศาสตร์บันดาลให้เป็นไปเช่นนั้น
มนต์อันใดที่มีแนวโน้มไปในทางไสยศาสตร์ มนต์อันนั้นทำให้จิตร้อน เพราะมันมีพลังร้อน แต่พลังของพระพุทธคุณธรรมคุณ สังฆคุณ พลังพรหมวิหาร มันทำให้เกิดพลังเย็น เป็นไปเพื่อผูกมิตรไมตรีกับสิ่งทั้งปวง ไม่เดือดร้อนวุ่นวาย
ไม่พาลหาเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน" เพราะฉะนั้น ให้นักเรียนทุกคนจำเอาไว้ บทสวดมนต์ที่วิเศษที่สุดก็คือ พุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ แล้วก็แผ่เมตตา ทีนี้เมื่อแผ่เมตตาเสร็จแล้ว
จะนั่งสมาธิภาวนาก็นั่งต่อไป เมื่อเลิกจากนั่งสมาธิแล้ว ก่อนจะลุกจากที่นั่งสมาธิ ให้น้อมจิตน้อมใจอธิษฐานถึงบุญบารมีที่เราได้ปฏิบัติมา แล้วก็อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้บิดามารดา ปู่ย่า ตายาย
ตลอดทั้งสัตว์ทั้งหลายผู้เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น ตลอดทั้งเจ้ากรรมนายเวร ขอให้มารับส่วนบุญที่เกิดจากการปฏิบัติของข้าพเจ้านี้ |