หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook
อ่านมิลินทปัญหา คลิกที่นี่
อ่านจตุคามรามเทพ  คลิกที่นี่
อ่านฐานิโยธรรม  คลิกที่นี่
อ่านฮาธรรมะ พระพยอม  คลิกที่นี่
ขอต้อนรับสู่ โรงแรมเดอะริช
การแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 24 ที่จังหวัดนครราชสีมา
เชิญชม การ์ตูนแอนนิเมชั่น  เสี้ยวลิ้มยี่  (The Legend of Shaolin Kung Fu)
เชิญชม VDO น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอฯ
เชิญชม ประวัติศาสตร์การเมือง ตอน ปิดตำนานทักษิณ
เจ้าแม่กวนอิม
ชมตัวอย่างภาพยนตร์,หนัง
ฐานิยปูชา ๒๕๕๑

ธรรมเนียมกรรมฐาน

ครูบาอาจารย์ในสายกรรมฐานนี่ ในยุคสมัยหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น หลวงปู่สิงห์นี่ รู้จักกันหมด การปกครองของพวกเรานี่ มันมี ๒ ฝ่าย

การปกครองที่เป็นพื้นฐาน เราขึ้นกับเจ้าคณะผู้ปกครองฝ่ายบริหาร นี่เป็นส่วนหนึ่งในทางกฎหมายปกครองคณะสงฆ์

แต่ในสายธรรมวินัยนี่ เราขึ้นกับครูบาอาจารย์ของเรา

ถ้าพูดถึงว่า อำนาจบังคับบัญชานี่ ฝ่ายบริหารท่านมีอำนาจทางวินัย ทางกฎหมาย แต่อำนาจสิทธิขาดมันสู้ครูบาอาจารย์ของเราไม่ได้

ลูกศิษย์ ครูบาอาจารย์ของเรานี่ ชี้นกเป็นนก ชี้ไม้เป็นไม้ องค์นี้อยู่ตรงนี้ อยู่ให้ได้ ๓ ปี ทีนี้ถ้าถึง ๓ ปีแล้ว ถ้าใครยังไม่ขยับ ท่านเอาองค์อื่นมาไล่ “เออ! ไปช่วยท่านองค์นั้นหน่อย ประเดี๋ยวอยู่นานมันจะติดญาติติดโยม ติดข้าวติมขนม” ท่านว่าอย่างนี้ แล้วแต่ใครจะสมัครไป ถ้าไม่สมัคร ท่านก็สั่ง สั่งแล้วต้องไป พอไปแล้ว... “เอ้อ..ท่านเอ๊ย อยู่เป็นสมภารมานานปีแล้ว ให้เราขอเป็นสมภารหน่อยเถอะ เราอยากเป็นสมภาร” บางท่านก็ไปพูดตลกๆ อย่างนี้ แล้วท่านก็รู้ความหมายกัน ท่านไม่ได้กล่าวหาว่าท่านองค์นี้มาไล่เราหนีนี่ ท่านไม่ได้ว่าอย่างนั้น ท่านรู้แผนการของครูบาอาจารย์อยู่แล้ว ถึงแม้จะมีอะไรยังข้องอยู่ ท่านก็มอบหมายกัน

พูดแล้วก็คล้ายๆ กับว่า ถ้าครูบาอาจารย์พูดแล้ว ไม่มีใคร ขัดแย้ง พูดแล้วเป็นแล้ว

แม้แต่สิ่งของที่เขาเอามาถวายอย่างนี้ องค์ใดองค์หนึ่ง “โอ้! สิ่งนี้ผมไม่มีใช้ ผมขอซะ” ทุกคนก็ยกมือสาธุเลย ไม่มีใครขัดแย้ง สิ่งของของกันและกันนี่ “เออ! อันนี้มันมีเยอะ เว้ย ขอแบ่งไปใช้หน่อย” “เอ้า...นิมนต์เลย” ถึงไม่ขอก็..พอมีของมา ท่านจะถามว่า “นี่! มีใช้ไหม” “ไม่มี” “อยากได้ไหมล่ะ” “ถ้าได้ก็ดี” แล้วท่านก็ถวายกันไปเลย ของจะมีราคาเท่าไรๆ ท่านไม่ได้คำนึงถึง

คำว่า ซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน ในวงการคณะกรรมฐานนี่ ไม่มี

หลวงพ่อเจ้าคุณธรรมบัณฑิต เจ้าคุณเทพกวี มหาข่าย แล้วก็หลวงพ่อ ตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ร่วมกัน ใช้สตางค์กระเป๋าเดียวกัน โดยเฉพาะหลวงพ่อใหญ่ เจ้าคุณธรรมบัณฑิตนี่ “อ้าว! ไปธุระโน่น ไม่รู้ล่ะ” เราก็รู้นิสัยครูบาอาจารย์อยู่แล้ว เราก็ต้องเตรียมพร้อม

พอไปโน่นไปนี่ เขามีการก่อสร้างมีอะไร ท่านจะช่วย “เอ้า! เอาปัจจัยช่วยเขาหน่อย พันสองพัน” เรามีหรือไม่มีท่านไม่เคยถาม แต่เรารู้นิสัยกันแล้ว เราก็ต้องเตรียมพร้อมถ่ายเดียว แล้วก็ไม่เคยปฏิเสธ

แม้แต่ไปสวด บิณฑ์บังส์สังสวดมาด้วยกัน ท่านไม่เคยแบ่งให้ ท่านจะเอาไปทำอะไร ท่านก็เอาไปเถอะ เราก็ไม่ว่า ไม่ได้ติดใจ

... เราก็มารู้ระเบียบการของวัดป่าสาลวัน ตั้งแต่หลวงปู่สิงห์ หลวงปู่อ่อนท่านอยู่ ผลประโยชน์ที่เกิดจากพระสงฆ์นี่ ใครจะไปได้ มาจากทางไหนๆ มารวมกันไว้ในจุดเดียวกัน ท่านไม่ได้แบ่งแยกเป็นส่วนบุคคล แต่ท่านจะพิจารณาสงเคราะห์กันเป็นครั้งคราว





ไปข้างบน