|
เร่งชี้แจงสมเด็จ 5 สี
พระสมเด็จเหนือหัว
การจัดสร้าง “พระสมเด็จเหนือหัว 5 สี” ด้วยกลยุทธ์การตลาดอันร้อนแรงเปิดให้เช่าองค์ละ 999 บาท เช่าเป็นชุดทั้งหมด 5 สี สนนราคาจะอยู่ที่ 4,999 บาท กลายเป็นเรื่องทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ มีผู้คนสนอกสนใจกันล้นหลาม สะเทือนสะท้านวงการพระเครื่อง
คำถามก็คือ วิธีการใช้ “พุทธามาร์เก็ตติง” หรือพุทธพาณิชย์ที่มุ่งเน้นแต่สร้างรายได้ ปั่นกระแสทุกรูปแบบ ได้กลายเป็นประเด็นร้อนท้าทายศรัทธาและความเชื่อในพระพุทธศาสนาอย่างรุนแรงอีกครั้ง
ประเด็นสำคัญก็คือ การสร้างพระสมเด็จเหนือหัวที่ว่ามีการแอบอ้างสำนักพระราชวัง หรือมีการขออนุญาตถูกต้องตามขั้นตอนหรือไม่
พระสมเด็จเหนือหัว
เช่น การตั้งชื่อว่า พระสมเด็จเหนือหัว หมิ่นเหม่ให้เข้าใจผิดว่าเกี่ยวข้องพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวหรือไม่ การนำตรามงกุฎไปประทับด้านหลังองค์ พระได้ทำตามขั้นตอนหรือไม่ ข้ออ้างว่าจะนำรายได้ 100 ล้านบาท ไปสร้างอุโบสถสองกษัตริย์เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลที่ จ.ราชบุรี ก็ไม่มีรายละเอียดชัดเจน
อีกทั้งมีการโฆษณาว่า ได้นำดอกไม้พระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาใช้เป็นมวลสาร ไม่มีการระบุรายชื่อคณะกรรมการผู้จัดสร้างว่าประกอบด้วยคณะบุคลลใดบ้าง
กรมการศาสนาในฐานะผู้รับผิดชอบโดยตรง คงต้องเร่งสร้างความกระจ่างในเรื่องนี้ ไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสนและเข้าใจผิด ยิ่งเร่งพิสูจน์ให้ได้ คำตอบเร็วเท่าใด ก็จะช่วยลดความเสียหายลงได้ เจ้าหน้าที่รัฐหน่วยงานอื่นที่จะเข้าไปตรวจสอบก็ไม่ควรเงื้อง่า ตั้งท่า แต่ไม่ทำอะไรให้เป็นรูปธรรม
ที่ผ่านมาหลายหน่วยงานได้บทเรียนจากการจัดสร้างจตุคามรามเทพที่มีการร้องเรียนว่าถูกผู้จัดสร้างฉ้อโกงกันมโหฬาร เสียหายกันมูลค่านับร้อยล้านมาแล้ว จึงไม่ควรให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำซากขึ้นอีก
กรมการศาสนาจะต้องสะสางเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด หากพบว่ามีขบวนการหาประโยชน์จากพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะการนำมูลนิธิอัฏฐมราชานุสรณ์ ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ก่อตั้งขึ้นทำคุณประโยชน์ในนามรัชกาลที่ 8 ไปก่อให้เกิดความเสียหาย
วัดสุทัศนเทพวราราม ในฐานะดูแลมูลนิธิ จะต้องชี้แจงว่าการร่วมกับบริษัทเอกชนในการจัดสร้างถูกขั้นตอนหรือไม่ ไม่เช่นนั้นจะสร้างความมัวหมองให้แก่พระพุทธศาสนาหนักหน่วงยิ่งขึ้น
คำอธิบายของผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวรารามเรื่องวัตถุประสงค์ในการจัดสร้าง เพื่อเทิดทูนพระมหากษัตริย์ 2 พระองค์ อาจมีขั้นตอนที่ไม่ชอบมาพากล ถึงขั้นผิดกฎหมาย และอาจเข้าข่ายกลายเป็นคดีฉ้อโกงประชาชน
ธนาคารกรุงไทย ธนาคารนครหลวงไทย ธนาคารทหารไทย ธนาคารออมสิน และบริษัท ไปรษณีย์ไทย ในฐานะผู้ร่วมบุญหนุนสร้างคงจะต้องหาคำอธิบายให้แน่ชัดว่า การสนับสนุนโครงการนี้ไม่มีความผิดปกติสงสัย ไม่เช่นนั้นก็อาจเข้าข่ายร่วมกระทำผิดด้วยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็เป็นได้
สื่อทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ และป้ายโฆษณายักษ์ทั่วเมือง คงต้องตั้งคำถามกับตัวเองว่า ได้มีส่วนในวิธีการอันไม่สุจริตหรือไม่
พิธีกรรม
เมื่อทางสำนักพระราชวัง โดยท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ รองราชเลขาธิการ ได้ขอให้กรมการศาสนาเร่งตรวจสอบรายละเอียดการจัดสร้างพระรุ่นดังกล่าว เพราะเห็นว่ามีปัญหาหลายประการ
หากพิสูจน์ได้คำตอบแน่ชัดในความเคลือบแคลงสงสัย ประชาชนผู้เช่าก็จะได้กระจ่างชัด สำนักพระราชวังก็ได้รับทราบคำอธิบายที่ถูกต้อง กรมการศาสนาก็จะได้รับการพูดถึงในความตั้งใจทำหน้าที่
ในฐานะสื่อ ต้องไม่รีรอในการตรวจสอบและสร้างความจริงให้ปรากฏ ต่อสาธารณะ ต้องแยกแยะระหว่างรายได้จากค่าโฆษณาออกจากการทำหน้าที่ในฐานะสื่อมวลชน
องค์กรวิชาชีพก็ไม่ควรรีรอที่จะทักท้วง ตรวจสอบ เพราะไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นเครื่องมือส่งเสริมบารมีมารไปในที่สุด
ที่มา จากหนังสือพิมพ์ "โพสต์ ทูเดย์"
| 
