รายได้หมอดูเขมรขาลง..คนไม่เชื่ออีกแล้ว
ภาพถ่ายวันที่ 5 พ.ย.2550-- หมอดูสัมรางฮิม (Him Samrang) กำลังทำนายดวงชะตาของลูกค้าหญิงรายหนึ่งในเพิงที่บริเวณวัดพนม หมอดูคนนี้ก็มีชะตากรรมไม่ต่างกับคนอื่นๆ ปัจจุบันลูกค้าหายหน้าหายตาไปเกือบหมด (ภาพ: AFP)
ชีวิตความเป็นอยู่ของหมอดูในกัมพูชาเริ่มไม่แน่ไม่นอน นับวันลูกค่าลดจำนวนน้อยลงอันเนื่องมาจากความเจริญทางวิทยาศาสตร์ ความกดดันเรื่องปากเรื่องท้องและการที่ผู้คนส่วนใหญ่ต้องหาเช้ากินค่ำกับอีกหลายสาเหตุ
เมื่อก่อนนี้ชาวกัมพูชาโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกหนุ่มๆ สาวๆจะไปพึ่งพาหมอดู ในเรื่องคู่ครอง เรื่องงาน ไปจนถึงการทำนายทายทักเรื่องผลผลิตข้าวจากการทำนาในแต่ละปี แต่วันนี้ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป
"เมื่อสิบปีก่อนมีผู้คนจำนวนมากชอบมาผูกดวงชะตา ทำนายอนาคตเกี่ยวกับธุรกิจหรืองานของพวกเขา" นางวา ยาย (Yeay Va) ซึ่งทำอาชีพหมอดูนี้มาเป็นเวลาเกือบ 2 ทศวรรษ กล่าวกับสำนักข่าวเอเอฟพี
หมอดูรายนี้ยึดศาลเจ้าแห่งหนึ่งในย่านริมแม่ของกรุงพนมเปญและตามวัดต่างๆ อีกหลายแห่งเป็นแหล่งทำการ ทำนายทายทักแลกกับเศษสตางค์เล็กๆ น้อยๆ ของคนเมืองหลวง
ก่อนนี้คนเชื่อกันว่าลายมือบอกโชคชะตา บอกอายุขัย สามารถทำนายล่วงหน้าไปจนถึงวันตาย ปัจจุบันชาวเขมรส่วนใหญ่ไม่เชื่ออีกต่อไป (ภาพ: AFP)
ปัจจุบันนางวากับเพื่อร่วมอาชีพและดวงชะตาอีกหลายสิบชีวิตพากันถอยร่นไปตั้งมั่นอยู่ที่บริเวณวัดพนม (Wat Phnom) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความศักดิ์สิทธิ์ในกรุงพนมเปญ ที่นั่นมีสวนสาธารณะให้หนุ่มๆ สาวๆ ไปพักผ่อน และมีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติแวะเวียนไปเยี่ยมชมเป็นประจำอีกด้วย
แต่หมอดูเหล่านี้ก็มีลูกค้าเพียงวันละไม่กี่ราย บางวันก็อาจจะไม่มีใครสักคนสนใจเรื่องดวงชะตาราศีเลย
เทศกาลประชุมแบน (Pachum Ben) หรือ เทศกาลทำบุญให้บรรพบุรุษ (เมื่อเดือนที่แล้ว) ปกติเป็นช่วง "ไฮซีซั่น" ที่คนนิยมดูหมอกันมากที่สุด หมอดูที่วัดพนมมักจะได้ลูกค้าปีละนับร้อยๆ ราย แต่ปีนี้ก็เปลี่ยนไปเช่นเดียวกัน
"เดี๋ยวนี้มีไม่กี่คน ไม่เหมือนกับเมื่อก่อน" หมอดูวัย 68 คนเดียวกันกล่าว ขณะยึดโต๊ะไม้ในเพิงหลังหนึ่งเป็นสถานทำการ
เมื่อก่อนเคยมีหมอดูแบบเดียวกับนางวาจำนวนมาก ทั้งหมดกระจายกันอยู่ตามจุดต่างๆ ในเมืองหลวง และต่างจังหวัด เคยเป็นผู้ที่มีอิทธิพลต่อผู้คนในสังคมพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตัดสินใจเลือกคู่ครอง-คู่ชีวิต ไปจนถึงการรักษาพยาบาลอาการป่วยต่างๆ
ชาวกัมพูชาทุกวันนี้เริ่มไม่เชื่อถือเรื่องโชคชะตาอีกแล้วในขณะที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และ ในช่วงหลังสงครามผู้คนก็ได้มีการศึกษาที่ดีขึ้น วิทยาการต่างๆ ก็ทันสมัยขึ้น
"ผู้คนไม่ชอบการทำนายทายทัก จึงไม่ไปหาหมอดูอีก" นายนริน ดอก (Dok Narin) รองปลัดกระทรวงศาสนาและวัฒนธรรมกล่าวกับเอเอฟพี
"การทำนายดวงชะตาไม่ได้รับความนิยมต่อไปอีกแล้ว เพราะมันเป็นเพียงแค่การพยากรณ์ไม่ใช่ของจริง" เจ้าหน้าที่คนเดียวกันกล่าว
ประชากรกัมพูชากว่าครึ่งหนึ่งจากจำนวนทั้งหมด 14-15 ล้านคน เป็นหนุ่ม สาวอายุต่ำกว่า 25 ปี คนเหล่านี้หันหลังให้กับหมอดูเด็ดขาด
"เราเชื่อในวิทยาศาสตร์ ด้วยวิทยาศาสตร์เราสามารถเข้าใจสรรพสิ่งได้จากการค้นคว้าศึกษา แต่หมอดูเป็นเพียงแค่การพูดลอยๆ เท่านั้น.. เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเท็จจริงแล้วมันเป็นอย่างไร" ดารา บุน (Bun Dara) นักศึกษาวิจิตรศิลป์ในพนมเปญกล่าว
หมอดูอ่านจากไพ่แล้วพบว่าดวงของประเทศก็ไม่ได้ต่างกัน.. กัมพูชายังจะเผชิญกับความยากลำบากต่อไปอีกหลายปี (ภาพ: AFP)
นักพยากรณ์อาชีพต่างก็ยอมรับคำพิพากษาของคนหนุ่มสาว หลายคนได้ปรับเปลี่ยนโชคชะตาของตัวเอง ผันผายออกไปสู่ท้องไร่ท้องนาหรือประกอบการงานอย่างอื่นเพื่อหาเลี้ยงปากท้อง
"แน่นอน เราไม่สามารถแข่งกับวิทยาศาสตร์ได้" นางฝนลี (Ly Phon) ยอมรับโดยดุษณี แต่ก็กล่าวว่าไม่ได้วิตกในเรื่องอนาคต
"คนจะมาหาฉันก็เมื่อตอนที่มีปัญหา.. มันขึ้นอยู่กับผู้คนว่าเลิกที่จะเชื่อหรือยัง" นางฝนกล่าว พร้อมทั้งเปิดเผยแผนการขึ้นค่าบริการ ให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจของประเทศที่ดีขึ้น ในขณะที่ผู้คนในสังคมยังต้องเผชิญกับความไม่แน่ไม่นอนต่างๆ อยู่ต่อไป
สำหรับประเทศกัมพูชา ที่ได้ชื่อเป็นแหล่งใหญ่ของหมอดูในเอเชีย ก็กำลังมีดวงชะตาที่ไม่แน่ไม่นอนเช่นกัน หมอดูอ่านไพ่แล้วพบว่าประเทศนี้ยังจะลำบากต่อไปอีกหลายปี.
ที่มา จากหนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการออนไลน์"
|