หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook
อ่านมิลินทปัญหา คลิกที่นี่
อ่านจตุคามรามเทพ  คลิกที่นี่
อ่านฐานิโยธรรม  คลิกที่นี่
อ่านฮาธรรมะ พระพยอม  คลิกที่นี่
ขอต้อนรับสู่ โรงแรมเดอะริช

แด่..หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ แม่ทัพใหญ่อันประเสริฐยิ่งแห่งกองทัพธรรม

หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ
ชาตะ-11 พ.ค. 2454
มรณะ-10 ต.ค. 2550

การละสังขารของหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ หรือพระพรหมมังคลาจารย์ ย่อมเป็นไปตามธรรมดาแห่งกฎไตรลักษณ์ (อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา) มันเป็นเช่นนั้นเอง (ตถตา) แม้ว่าชาวพุทธจะสูญเสียแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพธรรมอันประเสริฐยิ่ง ผู้ซึ่งได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ในฐานะผู้นำทางสัจจะ ผู้นำทางจิต มโน วิญญาณ และเป็นผู้นำทางปัญญาของชาวพุทธมายาวนาน แม้กระทั่งนาทีสุดท้าย

หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ

นโยบายประกาศธรรมของท่านปัญญานันทะ

ข้าพเจ้าแจ้งให้ท่านทราบว่า ข้าพเจ้ารักและบูชาพระพุทธธรรมมาก เพราะซาบซึ้งในรสของสัจธรรมเป็นอย่างดีว่า พระธรรมให้ผลแก่ชีวิตของข้าพเจ้าอย่างไร จึงขอพูดถึงนโยบายในการประกาศธรรมว่า ข้าพเจ้ามีความมุ่งหมายในการทำงานนี้เพื่ออะไร ท่านจักไม่ต้องสงสัยกันต่อไปอีกว่า ข้าพเจ้าเป็นพระประเภทใด ข้าพเจ้ามีนโยบายแน่วแน่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แม้เหตุการณ์บ้านเมืองจะผันผวนไปอย่างไร ใครจะมาครองเมืองอย่างไรก็ตามที ข้าพเจ้าจะทำตามนโยบายของข้าพเจ้าเสมอไม่มีอะไรจะมาเปลี่ยนใจของข้าพเจ้าจากความเชื่อและการกระทำตามพุทธธรรมที่พระบรมศาสดาได้แสดงไว้ ความประสงค์ของพระพุทธองค์ ผู้ซึ่งข้าพเจ้าได้มอบกายถวายชีวิตเป็นธรรมพลีแล้ว ความมุ่งหมายของข้าพเจ้าจึงอยู่ในกฎเกณฑ์ 2 ประการคือ

1. เพื่อประกาศความจริงที่พระองค์ทรงประกาศไว้
2. เพื่อทำลายความเห็นผิด และการกระทำที่ผิดๆ ในหมู่พี่น้องชาวพุทธทั้งหลายให้หมดไป

สำหรับการประกาศความจริงของพระพุทธองค์นั้น นับว่าเป็นเรื่องสำคัญมาก หมู่บรรพชิตเรามีอยู่มิใช่น้อยที่ถูกลาภสักการะชักจูงไป จนกระทำกิจที่ไม่ควรจะกระทำเพื่อเห็นแก่เงินเล็กๆ น้อยๆ เป็นการน่าละอายที่สานุศิษย์พระบรมศาสดามีใจทรยศต่อสัจธรรม

บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจักเป็นผู้ซื่อสัตย์กล้าพูดความจริงตามที่พระองค์ได้ทรงกระทำมาแล้ว คนทั้งหลายจักได้มีความเข้าใจความจริงกันบ้าง อย่ามัวเกรงใจคนที่กระทำผิดกันต่อไปอีกเลย เพราะการกระทำความผิดนั้นเป็นการทำลายพุทธธรรม

หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ

ส่วนความเข้าใจผิดในหลักพุทธศาสนารวมทั้งการกระทำที่หลงงมงายในหมู่ชาวพุทธเราก็มีมากมาย และดูจะมากยิ่งขึ้นในสมัยนี้เพราะภิกษุเป็นตัวการ หากเราไม่ร่วมกันแก้ไข ความงมงายก็จะมีมากขึ้นๆ เหมือนกับโรคเนื้อร้ายที่เกิดขึ้นแก่คน หากรีบจัดการผ่าตัดรักษาเสียโดยเร็วก็มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ แต่ถ้าปล่อยไว้เนื้อร้ายก็จะกำเริบมากขึ้นจนผู้นั้นถึงแก่ความตายได้

บรรดาความเห็นผิดและการกระทำที่ผิดๆ นอกลู่นอกทางจากคำสอนของพระพุทธเจ้า ถ้าปล่อยไว้ก็จะพอกพูนมากขึ้นจนทำให้พระพุทธศาสนาที่เรารักและหวงแหนอาจถึงสภาพหมดไปก็ได้ เพราะความไม่กล้าพูดความจริงนั่นเอง

ข้าพเจ้ามองเห็นความเสื่อมของพระพุทธศาสนา จึงตั้งใจว่าจะชำระสะสางเท่าที่ความรู้ความสามารถของข้าพเจ้าจักอำนวยให้ แต่การพูดความจริงนั้นย่อมจะต้องมีการกระทบกระทั่งบางคนอยู่บ้างเป็นธรรมดาเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ นอกจากจะขออภัยโดยสุภาพต่อท่านผู้เขลาเบาปัญญาเหล่านั้นแล้วพูดกันไปตามหน้าที่ของผู้พูดสัจธรรม

คนที่มีความเห็นผิดและยึดความเห็นผิดนั้นมานานแล้ว ครั้นได้ยินใครมาพูดถึงสิ่งนั้นว่าไม่ดีเขาก็โกรธเคืองจองเวรคิดแก้แค้นขึ้นก็ได้ ข้อนี้แหละที่ทำให้ใครทั้งหลายเกิดความกลัวจนไม่มีใครกล้าพูดความจริง พวกมิจฉาชีพจึงมีมากขึ้นแม้ในหมู่สงฆ์

ข้าพเจ้ามีความรักและปรารถนาดีต่อพี่น้องทั้งหลาย ใครจะเห็นท่านเข้าใจถูก ทำถูก ตามหลักที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงตรัสไว้ จึงได้พูดกับท่านทั้งหลายอย่างตรงไปตรงมา หวังว่าท่านคงได้รับฟังได้ด้วยดีและนำไปคิดโดยแยบคาย เพื่อจะได้มองเห็นความแตกต่างระหว่าง “ของแท้กับของเทียม” ต่อไป

หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ

อันคนฉลาดมีปัญญามีเหตุผลนั้น เขาย่อมทิ้งของปลอม แล้วถือของจริงไว้เสมอ เพราะของปลอมทำให้หลงผิด ของแท้เท่านั้นจะทำให้เข้าใจถูกและมีความสงบสุข

ข้าพเจ้าขอยกเอาพระพุทธภาษิตมาอ้างสักบทหนึ่ง ท่านว่าไว้ดังนี้ “บุคคลผู้มีความเข้าใจในสิ่งที่ไม่เป็นสาระว่าเป็นสาระ เห็นสิ่งที่เป็นสาระว่าไม่เป็นสาระมีความเข้าใจผิดเป็นแนวทาง ย่อมไม่เข้าถึงธรรมได้เลย แต่ผู้ใดรู้สิ่งที่เป็นสาระว่าเป็นสาระ รู้สิ่งไม่เป็นสาระว่าไม่เป็นสาระเป็นผู้มีความเห็นถูกต้อง เขาย่อมถึงธรรม” (90 ปี ปัญญานันทะ หน้า 14)

ตัวอย่างคำสอนของหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ พุทธสาวกแท้ของแผ่นดิน

“ขอให้ธรรมะจงล้างความสกปรกคือความเห็นผิดและการกระทำผิดๆ ของชาวพุทธให้หายไป จงพ้นจากความเขลา ความหลง จงหันมานับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โดยประการเดียว การสั่นเซียมซี รดน้ำมนต์ เสี่ยงทาย ด้วยวิธีการต่างๆ จงหายไปจากแผ่นดินไทย

ขอให้อาจารย์เสกพระเครื่องทั้งหลาย จงได้เสกคนให้เป็นคนดีที่มีพระในใจ มิใช่มีพระห้อยคอแต่เมาเช้าถึงเย็น ขอให้พวกมิจฉาชีพทั้งหลาย จงกลับกลายเป็นคนดี มีความเห็นชอบตามทำนองคลองธรรม นี่เป็นพรของข้าพเจ้า มอบให้แก่ท่านทั้งหลายตามทัศนะของพระพุทธศาสนาที่บริสุทธิ์ ไม่มีสิ่งโสโครกสกปรกใดๆ เจือปน ขอให้ท่านทั้งหลายจงรับพรนี้ไปปฏิบัติตามทางของพระพุทธองค์เถิด”

หลวงพ่อฯ สอนไม่ให้งมงาย “ยกตัวอย่างว่าคนถือพระภูมิ เวลาตกอกตกใจ ต้องไปไหว้ทุกที ทีนี้ก็ไปไหว้อยู่บ่อยๆ แล้วทำอะไรมันได้ผล พอได้ผลขึ้นก็ดูหมิ่นตัวเองด้วยซ้ำไป ไม่เอาความสามารถตัวเองมาใช้ กลับไปบอกว่านี่แหละ เพราะพระภูมิช่วยจึงได้สำเร็จ คราวนี้นี่แหละเขาเรียกว่า ดูหมิ่นตัวเองอย่างเหลือเกิน ตัวเองนี่เป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐสุดมีจิตมีปัญญากลับไม่ยกย่อง ไปยกย่องศาลเล็กๆ ข้างบ้านดีกว่าตัวไปเสียแล้ว...”

หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ

ผู้นำปฏิวัติการเทศน์

เวลาอาตมาเทศน์ปาฐกถานี้ ทำไมจึงใช้ปาฐกถา ทำไมไม่เทศน์แบบเก่า ขอบอกตรงๆ ว่าเบื่อเต็มทีในการเทศน์แบบเก่า เทศน์คู่ ถามกันไปถามกันมา เล่นสำนวน อวดสำนวนกัน เสร็จแล้วโยมไม่ได้อะไร ว่าโยกไปโยกมา องค์นั้นว่าแดง องค์นั้นว่าดำ โยมเลยไม่รู้เลยว่าดำหรือแดงกันแน่ เคยเทศน์มาแล้ว เห็นว่ามันไม่ได้ประโยชน์... เราควรจะเทศน์ในรูปใหม่ เลยคิดว่าปาฐกถาดีกว่า ขึ้นไปเชียงใหม่จึงได้เริ่มแสดงปาฐกถาในรูปใหม่ พูดให้ฟังง่ายๆ ตรงไปตรงมา อันใดผิดก็บอกว่าผิด อันใดถูกก็บอกว่าถูก อันใดควรแก้ไขก็ควรแก้ไข ไม่ต้องเกรงใจใคร แม้ประเพณีที่เคยทำมาที่เห็นว่าไม่เหมาะไม่ควรก็บอกให้เลิก..



ความเฉลียวฉลาดในการรักษาพระศาสนา

...เวลานี้อาตมานั่งคิดอยู่ในปัญญาอย่างนี้เหมือนกัน ว่าเราควรจะได้มีการชี้แนะ ให้ญาติโยมได้เกิดความเข้าใจถูกต้อง ว่าอะไรใช่ ว่าอะไรไม่ใช่ในทางพระพุทธศาสนา แล้วก็หันมาปฏิบัติตามคำสอนในทางพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริงเสียบ้าง เพราะอะไรจึงได้เกิดความคิดในเรื่องเช่นนี้ขึ้น ก็เพราะว่าในสมัยนี้ศาสนามีศัตรู อย่านึกว่าศาสนาไม่มีศัตรู ทุกศาสนาเวลานี้มีศัตรูทั้งนั้น

ศัตรูของพระศาสนาคืออะไร คือคนที่ไม่ยอมรับศาสนา หรือความคิด ความเห็นประเภทที่ไม่ยอมรับเอาศาสนามาเป็นข้อปฏิบัติในชีวิตประจำวัน เห็นว่าศาสนาเป็นเรื่องไม่จำเป็นแก่การดำเนินชีวิต คิดแต่จะแสวงหาวัตถุมาใช้ในชีวิตประจำวัน ... เมืองไทยเราก็หนีไม่พ้นเรื่องนี้ ก็มีการโจมตีทำลายสิ่งที่เรียกว่าศาสนาเกิดขึ้นทุกวันทุกเวลา ทีนี้ถ้ามองกันให้ดีแล้ว จุดที่เขาโจมตีทั้งหมดในเรื่องศาสนานั้น ลองเอามาอ่านดู พิจารณาดูแล้วไม่ใช่จุดเนื้อแท้ของพระศาสนา ถ้าสิ่งที่เป็นเนื้อแท้เป็นหลักธรรมคำสอนของพระพุทธศาสนาแล้วโจมตีไม่ได้ ไม่มีช่องโหว่ ไม่มีอะไรที่จะเข้ามาแทรกแซงได้เป็นอันขาด เช่น หลักปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า เช่น เรื่องอริยสัจสี่ อะไรอย่างนี้ ไม่มีใครจะโจมตีได้เลยว่า เป็นสิ่งไม่เป็นประโยชน์แก่ชีวิต เขาไม่สามารถจะโจมตีได้ ผู้ใดประพฤติปฏิบัติตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า จะไม่ถูกโจมตีด้วยประการทั้งปวง (90 ปี ปัญญานันทะ หน้า 32)

หลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ

สิ่งที่หลวงพ่อฝากฝังย้ำพร่ำสอน

“หนังสือธรรมเป็นของที่ต้องเปิดอ่าน อ่านให้รู้ให้เข้าใจ อ่านค้นคว้าศึกษาให้รู้ให้เข้าใจเพื่อได้ปฏิบัติถูกปฏิบัติชอบ แล้วจะได้สอนชาวบ้านให้ปฏิบัติถูกปฏิบัติชอบเวลาคนมาวัดในวันพระ เอาหนังสือไปให้เขาอ่าน ใครอ่านได้เอาอ่านโยม เลือกหนังสือที่ควรอ่าน ควรทำความเข้าใจ อย่าอ่านหนังสือประเภทเหลวไหล ไม่เป็นไปเพื่อความสว่าง เราช่วยกันให้ชาวพุทธมีปัญญา มีหูตาสว่าง ได้ดำรงตนอยู่ในสัมมาทิฏฐิ นั่นแหละเป็นมหากุศล เพราะเดี๋ยวนี้เมืองไทยเราเป็นชาวพุทธกันแต่เพียงชื่อมาก แต่เป็นชาวพุทธกันโดยปฏิบัติแท้จริงนั้นยังมีอยู่น้อย พูดอย่างนี้ไม่ใช่เป็นการดูหมิ่นอะไร ข้าพเจ้าพูดด้วยความประสงค์ดี เพราะ ข้าพเจ้าทำงานเพื่อสร้างเสริมจิตใจคน ทำงานเพื่อความก้าวหน้าของพระพุทธศาสนา ข้าพเจ้าไม่ได้หวังอะไรจากการพูดกับพี่น้อง แต่ข้าพเจ้าหวังอยู่ประการเดียวว่า ขอให้พี่น้องได้ความรู้ ได้ความเข้าใจ ขอให้พี่น้องเดินทางถูกทางชอบ ขอให้พี่น้องหลุดพ้นจากความทุกข์ ได้รับความสุข ด้วยการปฏิบัติตามธรรมะของพระพุทธเจ้า นี่เป็นความประสงค์ใหญ่ของข้าพเจ้า”

หลวงพ่อปัญญานันทะ ท่านเป็นพระธรรมกถึก เป็นพุทธสาวกแท้ที่ได้เสียสละอันยิ่ง อุทิศตนเจริญรอยตามพระพุทธเจ้า เพื่อประโยชน์สุขของมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย ก็ขอให้สาธุชน ชาวพุทธทั้งหลาย ได้ระลึกถึงหลวงพ่อปัญญานันทะ เป็นแบบอย่างอันดี เป็นแรงบันดาลใจให้ให้มีความเพียรพยายาม เสียสละอุทิศตนอย่างแน่วแน่เพื่อมนุษยชาติ และการเผยแผ่แต่สิ่งที่ดีเป็นธรรมสืบต่อไป

ที่มา จากหนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการออนไลน์"



ไปข้างบน