หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook
อ่านมิลินทปัญหา คลิกที่นี่
อ่านจตุคามรามเทพ  คลิกที่นี่
อ่านฐานิโยธรรม  คลิกที่นี่
อ่านฮาธรรมะ พระพยอม  คลิกที่นี่
ขอต้อนรับสู่ โรงแรมเดอะริช

เสริมมงคลชัย ไหว้ 3 พระนอนองค์งามกลางกรุง

พระนอนวัดโพธิ์กับอันซีนไทยแลนด์ที่ฝ่าพระบาท



“...ที่ไหนมีพระนอนมากที่สุด ?...”

เชื่อว่าหลายๆคนคงคุ้นเคยกับคำถามเปื้อนมุขคำถามนี้มาไม่มากก็น้อย แถมยังรู้ด้วยว่าคำตอบคือที่ “โรงพยาบาลสงฆ์” นั่นเอง เพราะพระนอนในคำถามกวนโอยนี้คือพระภิกษุสงฆ์นอน(อาพาธ) ไม่ใช่พระพุทธรูปปางประทับนอนหรือพระพุทธไสยาสน์แต่อย่างใด

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นหากพูดถึงพระพุทธรูปปางประทับนอนหรือพระพุทธไสยาสน์แล้ว ในกรุงเทพฯเมืองฟ้าอมรนี่ก็มีพระนอนอยู่มากเช่นกัน แถมพระนอนในหลายๆวัดยังงดงามไปด้วยพุทธศิลป์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

ในขณะที่คนโบราณเชื่อว่าพระนอนเป็นพระพุทธรูปประจำวันเกิดของคนเกิดวันอังคาร เพราะเชื่อว่า “คนวันอังคารใจร้อน ให้นอนเสียบ้าง จะได้ใจเย็น...เหมือนดังพระนอนนั่นเอง ซึ่งแม้จะไม่ได้เกิดวันอังคารแต่เพื่อความเป็นสิริมงคลส่วนตัว ฉันจึงหาโอกาสเหมาะๆในช่วงหยุดเสาร์-อาทิตย์ ตระเวนไหว้พระนอนเด่นๆในกทม.โดยอ้างอิงตามหนังสือคู่มือ “เยือนแดนพุทธศิลป์ เที่ยวถิ่นพระพุทธไสยาสน์” ของททท.ที่ไม่รู้ว่ายังมีขายอยู่หรือเปล่าเพราะเขาออกมานานแล้ว แต่ถึงจะไม่มีคู่มือเราก็สามารถไปเที่ยวกันเองได้อย่างไม่ยากเย็น

ว่าแล้วฉันก็ไม่รีรอไปไหว้ “พระนอนวัดโพธิ์” (วัดพระเชตุพนฯ) เปิดประเดิมทริปเอาฤกษ์เอาชัยในทันที พระนอนองค์นี้ มีขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯและใหญ่เป็นอันดับ 3 ของเมืองไทยรองจาก พระนอนวัดขุนอินทประมูล จ.อ่างทอง และพระนอนจักรสีห์ จ.สิงห์บุรี

พระพักตร์พระนอนวัดโพธิ์องค์โตที่สุดในกรุงเทพฯ

พระนอนวัดโพธิ์ ประดิษฐานอยู่ในวิหารหลังใหญ่ด้านถนนมหาราช สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 3 (วัดโพธิ์เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1) ซึ่งพระองค์ทรงมีดำริว่า ที่ผ่านมาได้โปรดฯให้สร้างพระพุทธรูปปางอื่นๆไว้ตามวัดต่างๆหลายปางแล้ว ขาดก็แต่พระพุทธรูปปางไสยาสน์ จึงโปรดฯให้สร้างพระนอนขึ้นที่วัดโพธิ์

พระนอนวัดโพธิ์ได้รับการยกย่องว่าเป็นพระพุทธไสยาสน์ที่มีพุทธลักษณะงดงามเป็นอันดับต้นๆแห่งสยามประเทศ ดำเนินการสร้างโดยช่างสิบหมู่หลวงและมีหลวงพระองค์เจ้าลดาวัลย์ (กรมหมื่นภูมินทรภักดี)เป็นผู้กำกับดูแลการก่อสร้าง

พระนอนองค์นี้เชื่อกันว่าเป็นปางโปรดอสุรินทราหู เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปิดทองเหลืองอร่ามทั้งองค์ ในขณะที่พระพักตร์อิ่มเอิบ ดูขรึมขลังงดงามสมส่วน เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งศรัทธายิ่งนัก ส่วนที่ฝ่าพระบาททั้ง 2 ข้าง ประดับมุกเป็นลวดลายมงคล 108 ประการ ที่ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)ยกให้นี่เป็นหนึ่งในอันซีนไทยแลนด์ เพราะอันงดงามไปด้วยศิลปะไทย-จีนที่ผสมผสานกันกลมกลืนอย่างลงตัว

อนึ่งการประดับลวดลาย 108 ประการไว้ที่ฝ่าเท้าของพระพุทธไสยาสน์นั้น เป็นไปตามคติอินเดียโบราณที่เชื่อว่า พระพุทธเจ้าทรงมีพุทธลักษณะสำคัญอย่างหนึ่งคือฝ่าพระบาทมีลายมงคล 108 ประการ ได้แก่ ปราสาท หอยสังข์ ช้างแก้ว นก หงส์ ภูเขา เมฆ ฯลฯ ตรงกลางเป็นรูปกงจักร แสดงถึงพระบุญญาบารมีอันแรงกล้า ซึ่งหากเป็นพระพุทธรูปปางอื่นๆจะมองไม่เห็นยกเว้นพระพุทธรูปปางไสยาสน์ ทำให้ช่างผู้สร้างบรรจงประดับลวดลายอันวิจิตรไว้อย่างเต็มที่ ฉะนั้นใครที่ไปไหว้พระนอนวัดโพธิ์แล้วฉันขอแนะนำว่าไม่ควรพลาดการชมลวดลายบนฝ่าพระบาททั้ง 2 ด้วยประการทั้งปวง

พระไสยา พระนอนวัดบวรที่งดงามตามแบบศิลปะสุโขทัย

ไหว้พระนอนองค์งาม องค์โตที่วัดโพธิ์กันแล้ว ฉันเดินทางต่อไปยังวัดบวรนิเวศฯ เพื่อสักการะ “พระไสยา” อีกหนึ่งพระนอนองค์งามแห่งย่านบางลำพู

พระไสยา ประดิษฐานอยู่มุมหลังของวิหารพระศาสดา เป็นพระนอนปางปรินิพพานที่มีพุทธลักษณะงดงามยิ่งนัก ทั่วทั้งพระวรกายดูเหลืองอร่ามอ่อนช้อยคล้ายมีชีวิต มีลักษณะชายผ้าสังฆาฏิเป็นแบบเขี้ยวตะขาบอันงดงาม ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์สำคัญของพระพุทธไสยาสน์ศิลปะสุโขทัย

พระพักตร์ยิ้มเล็กๆน้อยในแบบศิลปะสุโขทัยของพระนอนวัดบวร

ในขณะที่พระพักตร์ของพระไสยาเป็นไปตามแบบฉบับศิลปะสุโขทัยที่นิยมสร้างพระพุทธรูปในพุทธลักษณะหลังจากการตรัสรู้ จึง ดูสงบ อิ่มเอิบ ยิ้มน้อยๆ สะท้อนสภาวะแห่งความปีติสุขที่อยู่ภายใน

เดิมพระไสยาประดิษฐานอยู่ที่วัดพระพายหลวง จ.สุโขทัย ก่อนที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 จะโปรดให้อัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดบวรนิเวศวิหารตั้งแต่เมื่อครั้งยังทรงผนวชอยู่ เนื่องจากได้ทอดพระเนตรเห็นว่ามีพุทธลักษณะงามกว่าพระไสยาสน์องค์อื่นๆ

นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่ากันว่าสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์“นายช่างใหญ่แห่งกรุงสยาม” เมื่อได้เห็นองค์พระไสยาแล้ว ถึงกับประทับใจในความงามอีกทั้งยังนำไปเป็นแรงบันดาลใจในการออกออกแบบพระนอนวัดราชาธิวาส ที่หลังจากไหว้พระไสยาแล้วฉันก็มุ่งหน้าไปไหว้พระนอนที่วัดราชาธิวาสในทันที

ปกติการสร้างพระพุทธรูปของไทยมักจะเป็นการสร้างงานพุทธศิลป์แบบนามธรรมสื่อแทนรูปเคารพขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า แต่กับพระพุทธไสยาสน์ที่วัดราชาธิวาสฯนี่กับแตกต่างออกไป เนื่องจากเป็นพระนอนที่สื่อลักษณะถึงความเป็นมนุษย์มากที่สุดองค์หนึ่ง

พระนอนวัดราชางดงามด้วยพุทธศิลป์ที่ให้ความรู้สึกเหมือนจริง

พระนอนวัดราชา ประดิษฐานอยู่ ณ ห้องประชุมตึกไชยันต์ บนชั้น 6 ของอาคารไชยันต์ในโรงเรียนวัดราชา อาคารหลังนี้สร้างโดยดำริของกรมหมื่นมหิศรราชหฤทัย(พระองค์เจ้าไชยันตมงคล)ต้นราชสกุลไชยันต์ ที่มีพระประสงค์ให้สร้างพระพุทธไสยาสน์ประจำวันเกิดไว้คู่กับโรงเรียนวัดราชาฯ

พระนอนวัดราชา หรือ “พระนิพพานทรงญาณ” สร้างในรัชกาลที่ 6 ออกแบบโดยสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ "นายช่างใหญ่แห่งกรุงสยาม" มีพระเทพรจนา (สิน) เป็นผู้ปั้นและหล่อ เป็นพระพุทธรูปหล่อสำริด ปางทรงพระสุบิน ศิลปะประยุกต์แบบกรีก ที่มีพุทธสรีระให้ความรู้สึกเหมือนจริงตามธรรมชาติ คือมีพระวรกายคล้ายคนทั่วไป ห่มจีวรพลิ้วไหวเป็นริ้วบางเบาคล้ายผ้าจริง พระเนตรหลับตาพริ้มรวมไปถึงลักษณะการวางพระบาทก็แสดงออกมาในลักษณะสมจริงเช่นคนหลับทั่วไป ดูแล้วเป็นอิริยาบถการนอนหลับที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งยามที่ฉันยืนมองไกลๆแล้วรู้สึกว่าคล้ายพระสงฆ์จริงๆนอนอยู่บนแท่นยังไงยังงั้นเลย

พระพักตร์ยามหลับตาพริ้มของพระนอนวัดราชา

นอกจากนี้ทางกรมศิลปากรยังยกให้พระนอนวัดราชาเป็นพระนอนที่งดงามที่สุดองค์หนึ่งในเมืองไทย เนื่องเพราะมีความงามอันโดดเด่นด้านการมีพุทธลักษณะเหมือนมนุษย์ที่งามที่สุด อีกทั้งยังเป็นการผสมผสานอย่างกลมกลืนของรูปแบบทางพุทธศิลป์แบบตะวันออกและลักษณะทางศิลปกรรมแบบตะวันตกอย่างลงตัว

...............................

หลังการไหว้พระนอนองค์งามทั้ง 3 องค์นอกจากฉันจะอิ่มเอิบใจแล้ว ยังรู้สึกว่าความงามในพุทธศิลป์ของพระนอนทั้ง 3 องค์ยังแฝงไว้ด้วยพลังแห่งศรัทธาที่ไม่เพียงก่อให้เกิดความงามต่อสายตาของผู้สักการะบูชาเท่านั้น หากแต่ยังก่อให้เกิดความงามในจิตใจของผู้กราบไหว้อีกด้วย

*****************************************



วัดโพธิ์ หรือวัดพระเชตุพนฯ เป็นวัดประจำรัชกาลที่ 1 เดิมชื่อวัดโพธาราม วัดนี้มีของดีให้ชมมากมาย อาทิ เจดีย์ 4 รัชกาล โบสถ์วัดโพธิ์ที่สวยงามมากแห่งหนึ่งของไทย รูปสลักฤาษีดัดตน ยักษ์วัดโพธิ์ ลั่นถัน นายทวารบาล ฯลฯ นอกจากนี้หากเกิดอาการเมื่อระหว่างเที่ยววัดโพธิ์ สามารถไปใช้บริการนวดวัดโพธิ์อันขึ้นชื่อระบือไกลได้
วัดโพธิ์ ตั้งอยู่ริมถนนสนามไชยและถนนมหาราช ติดกับพระบรมมหาราชวัง เปิดให้เข้าชมทุกวัน ระหว่างเวลา 08.00-17.00 น. ชาวต่างชาติจะต้องซื้อบัตรเข้าชมคนละ 20 บาท สำหรับนักท่องเที่ยวต้องแต่งกายสุภาพ สุภาพสตรีห้ามสวมกางเกงขาสั้นเหนือเข่าเข้าไปเที่ยวชม หากเดินทางโดยรถประจำทาง มีรถผ่าน สาย 1, 3, 6, 9, 12, 25, 32, 43, 44, 47, 48, 53, 60, 82, 91, 123 รถปรับอากาศ สาย ปอ.6, 7, 8, 9, 12, 25, 44, 91



วัดบวรนิเวศฯ สร้างขึ้นราว พ.ศ. 2367-2375 เดิมชื่อวัดใหม่ ภายในวัดบวรมีสิ่งน่าสนใจ อย่างเช่น พระมหาเจดีย์ใหญ่สีทอง ศาลาพระพุทธบาท องค์พระประธานวัดบวรที่มี 2 องค์ พระศาสดาพระพุทธรูปศิลปะสุโขทัยปางมารวิชัย สำหรับสถานที่น่าสนใจอื่นๆในวัดบวร บางส่วนทางวัดเปิดให้เข้าชมในวันเสาร์-อาทิตย์ บางส่วนรวมถึงพระไสยาหรือพระนอนในวิหารพระศาสดาจะเปิดให้เข้าชมเฉพาะในวันสำคัญทางศาสนา หรือไม่ก็ต้องขออนุญาตเข้าชมเป็นกรณีพิเศษ โดยสามารถติดต่อสอบถามได้ที่ โทร. 0-2281-2831-3
วัดบวรนิเวศวิหาร ตั้งอยู่ต้นถนนตะนาวและถนนเฟื่องนคร บางลำพู ส่วนการเดินทางไปวัดบวรฯมีรถประจำทางสาย 56 , 68 และรถประจำทางปรับอากาศสาย 516 ผ่าน



วัดราชาธิวาสฯเป็นวัดเก่าแก่ก่อนสมัยอยุธยา เดิมชื่อวัดสมอราย ในวัดราชานอกจากพระนอนองค์งามแล้วยังมีสิ่งชวนชม อาทิ โบสถ์ทรงแปลกที่ออกแบบโดยสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัติวงศ์ รวมถึงจิตรกรรมฝาผนังแบบปูนเปียก(เฟรสโก)ภายใน ศาลาการเปรียญไม้สักหลังใหญ่ สำหรับผู้ที่จะเข้าสักการะพระนอนวัดราชาติดต่อขอเข้าชมได้ที่ โรงเรียนวัดราชา 0-2243-2159,0-2241-5525 ในวันเวลาราชการ
วัดราชาธิวาสฯ ตั้งอยู่ใน ซอยสามเสน 5 ถนนสามเสน เขตดุสิต ใกล้ๆ กับหอสมุดแห่งชาติและท่าวาสุกรี มีรถเมล์สาย 3, 9, 19, 30, 33, 64, 65, 110, ปอ. 524 ผ่าน

ที่มา จากหนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการออนไลน์" โดย คุณหนุ่มลูกทุ่ง



ไปข้างบน