หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook
อ่านมิลินทปัญหา คลิกที่นี่
อ่านจตุคามรามเทพ  คลิกที่นี่
อ่านฐานิโยธรรม  คลิกที่นี่
อ่านฮาธรรมะ พระพยอม  คลิกที่นี่
ขอต้อนรับสู่ โรงแรมเดอะริช

มาเข้าสปาใจกันดีกว่า

เมื่อ 10 ปีก่อน ตอนที่เริ่มโปรโมตชีวาศรมในช่วงแรก คำว่า “สปา” หรือ “ศูนย์สุขภาพ” ที่เรียกกันว่า Health Resort ยังไม่เป็นที่คุ้นหูคุ้นใจของคนไทยกันสักเท่าไร อย่าว่าแต่คนไทยเลยครับ แม้แต่คนในเอเชียด้วยกันก็ต้องถือว่าเป็นของใหม่ ในช่วงนั้นเวลามีแขกวีไอพีมาเข้าพักที่ชีวาศรม ซึ่งตั้งอยู่ที่หัวหิน ตอนค่ำๆ ก็มักจะย่องกันออกมาแวะเยี่ยมตลาดโต้รุ่ง และโซ้ยก๋วยเตี๋ยวผัดไทยและอาหารนานาชนิดที่มีบริการอยู่ทั้งคืน เนื่องจากกระเพาะยังไม่มีความคุ้นเคยกับ “Spa Cuisine” หรืออาหารเพื่อสุขภาพเพื่อร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์ ทั้งนี้เพราะรับประทานไปก็มีความรู้สึกว่ายัง “ไม่อิ่ม” และประการสำคัญ สิ่งใดที่เป็นเหมือนกฎข้อบังคับ ห้ามนั่นห้ามนี่ ก็มักจะเป็นความท้าทายในการออกนอกกฎกติกากันบ้าง ตามประสาคนไทยที่รักอิสรเสรีภาพ!

10 ปีผ่านไป ตอนนี้ไม่ว่าจะไปที่ไหนทุกหัวระแหง มีแต่คำว่า “สปา” ผุดขึ้นเต็มไปหมด ทั้งสปาจริง สปาเก๊ รวมทั้งบริการแบบเดิมๆ ที่เคยทำมา ประเภทนวดๆ อบๆ ตอนหลังก็ฮิตติดคำว่า “สปา” มาใช้เพื่อยกฐานะบริการให้ดูหรูโก้เก๋ อินเทรนด์ตามเขาบ้าง ดังนั้น เราจะเห็นทั้งสารพัดสปาดาษดื่นเต็มไปหมด ตั้งแต่ท้ายซอยยันต้นซอย ออกมาถนนใหญ่ ในตัวเมือง ต่างจังหวัด หรือเมืองท่องเที่ยวต่างๆ บางแห่งอย่างเกาะสมุยนั้น กลายเป็น Spa Islands ไปทั้งเกาะเลยทีเดียว และที่น่าสังเกตคือ เจ้าของมักจะเป็นคนต่างชาติ แต่ใช้องค์ความรู้และบริการของคนไทยเป็นจุดขาย

หนึ่งในบริการของสปาแพ็กเกจที่ได้รับความนิยมอย่างสูง คือ การฝึกสมาธิ รักษาสมดุลกายสมดุลใจให้ลงตัวแบบองค์รวม เท่าที่สังเกต บางแห่งก็มีบริการฝึกสมาธิโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย แต่หลายแห่งก็คิดราคาค่างวดในการฝึกสมาธินับพันบาทต่อชั่วโมง แล้วก็มีคนสนใจเข้าฝึกเสียด้วย แสดงว่า “สปาใจ” กำลังเป็นที่สนใจต่อคนรุ่นใหม่ที่ห่วงใยต่อสุขภาพ

ข้อมูลล่าสุดที่ผมได้รับ คือ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดอันเก่าแก่เกือบ 200 ปีของอังกฤษ ได้เริ่มตั้ง Oxford Mindfulness Center หรือศูนย์การเจริญสติแห่งออกซ์ฟอร์ดขึ้นมาตั้งแต่เดือน ต.ค. 2007 และจะเริ่มการศึกษาในระดับปริญญาโทและปริญญาเอกในสาขาวิชาการเจริญสติกันทีเดียว แสดงว่าเรื่องการเจริญสติ การทำสปาใจนั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ ที่ทำกันโดยไม่มีเหตุผล ไม่มีหลักวิชาการมาอ้างอิงสนับสนุนกันอีกต่อไป

อารัมภบทถึงสรรพคุณของสปาใจกันขนาดนี้ ท่านผู้อ่านก็คงนึกอยากลุกขึ้นมาเข้าสปาใจกันบ้างแล้ว แต่ไม่ต้องครับ! ไม่ต้องลงทุนบินไปเข้าคอร์สกันข้ามโพ้นทะเลถึงอังกฤษ หรือแอบไปเข้าสปาหรูๆ ที่ไหน การเข้าสปาใจนั้นทำได้ทันที ไม่ต้องเสียเงินเสียทอง เสียทรัพย์สิน หรือลงทุนใดๆ เลย

วิธีการง่ายๆ คือ การมีสติระลึกรู้ลมหายใจเข้าออก รู้ธรรมดาๆ ไม่ต้องแกล้งรู้ จงใจรู้ อยากรู้ หรือเข้าไปบังคับ แทรกแซง จัดแจง กดข่มใดๆ ให้รู้เฉยๆ รู้แบบไม่ต้องให้คะแนนว่า หายใจเป็นอย่างไร หายใจเข้าก็รู้เฉยๆ หายใจออกก็รู้เฉยๆ แล้วธรรมชาติก็จะปรากฏต่อหน้าต่อตา คือ ลมหายใจ (ที่น่าจะเป็นของเรา) นั้น ก็บังคับไม่ได้ ควบคุมไม่ได้ ไหลเข้าไหลออก เดี๋ยวสั้นเดี๋ยวยาว รู้ไปสักระยะหนึ่งแบบง่ายๆ สมาธิเบื้องต้นก็จะเกิดขึ้น

จากนั้นก็ขยับเข้ามาสังเกตความรู้สึกที่เกิดขึ้นในแต่ละขณะ ก็มีธรรมชาติเช่นเดียวกับลมหายใจ คือ บังคับไม่ได้ ควบคุมไม่ได้ เดี๋ยวไหลไปไหลมา คิดนั่นคิดนี่ รู้สึกดีบ้าง ไม่ดีบ้าง สงบบ้าง ฟุ้งบ้าง เอาแน่นอนไม่ได้ ฝึกรู้เฉยๆ รู้เบาๆ ไปเรื่อยๆ ใจก็จะสงบ เกิดความสุข ความอบอุ่นอยู่ภายใน

การฝึกสปาใจแบบนี้ทำได้ตลอดเวลา และเมื่อเราระลึกรู้ลมหายใจอยู่ ความเครียด ความกังวล ความวุ่นวายทั้งหลายจะโดนสลัดออกโดยอัตโนมัติ เพราะจิตรู้ได้เพียงหนึ่งอย่างเท่านั้น เมื่อจิตหันมารู้ลมหายใจ สิ่งแปลกปลอมทั้งหลายก็โดนดีดออกไปตามธรรมชาติ ลองมาฝึกเข้าสปาใจกันบ่อยๆ นะครับ เราจะเห็นว่าจิตใจจะมีความมั่นคง แข็งแกร่ง จะมีอานุภาพที่เป็นพลังบวกมหาศาล เปรียบเสมือนผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ที่เมล็ดพันธุ์ทุกชนิดย่อมเจริญงอกงาม จะเป็นจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา รู้จักให้ รู้จักอภัย เข้าอกเข้าใจคนรอบข้างมากขึ้น ต่อไปจิตใจจะมีรอยยิ้มที่ฉายฉานออกมาจากภายใน ใครอยู่ใกล้ก็เป็นสุข ทั้งคนและสัตว์

เมื่อได้ชีวิตนี้มาพร้อมลมหายใจ และต้องจากโลกนี้ไปพร้อมลมหายใจ ก็สมควรให้ “ลมหายใจ” เป็นบันไดแห่งสติ เป็นเครื่องซักฟอกใจ และเป็นเครื่องมือในการทำ “สปาใจ” ให้ใจเราใสสะอาด บริสุทธิ์ มีอานุภาพและพลังเท่าที่จะเป็นไปได้ ลองฝึกดูนะครับ

ที่มา จากหนังสือพิมพ์ "โพสต์ ทูเดย์" โดย : คุณดนัย จันทร์เจ้าฉาย


ไปข้างบน