หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook
อ่านมิลินทปัญหา คลิกที่นี่
อ่านจตุคามรามเทพ  คลิกที่นี่
อ่านฐานิโยธรรม  คลิกที่นี่
อ่านฮาธรรมะ พระพยอม  คลิกที่นี่
ขอต้อนรับสู่ โรงแรมเดอะริช

เที่ยววัดที่ อุทัยธานี

ความวิจิตรตระการตาในวิหารแก้ว วัดท่าซุง

"อุทัยธานี" นับเป็นหนึ่งในจังหวัดสงบงามที่วิถีชีวิตของคนเมืองนี้ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ไม่เร่งรีบร้อนรน แต่ทว่าอุทัยก็มีสิ่งน่าสนใจอันชวนให้เที่ยวชมอยู่มากหลายด้วยกัน

"ผู้จัดการท่องเที่ยว" ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ชื่นชอบในเสน่ห์อันเรียบง่ายแต่ว่างดงามของเมืองนี้ ครั้นเมื่อมีโอกาสได้กลับมาเยือนยังถิ่นอุทัย เราก็ไม่อุทรณ์ แต่ขอเลือกที่จะออกตะลอนเที่ยวชมเมืองนี้กันเสียหน่อย โดยสถานที่แรกเราเลือกเปิดทริปด้วยการเดินทางไปยังวัดสังกัสรัตนคีรี เพื่อความสิริมงคลเอาฤกษ์เอาชัยให้แก่ตัวเอง

"วัดสังกัสรัตนคีรี" เป็นวัดเก่าแก่ตั้งอยู่เชิงเขาสะแกกรังที่มีความสำคัญต่อเมืองอุทัยฯ เพราะภายในวัดมีวิหารอันเป็นที่ประดิษฐาน "พระพุทธรูปมงคลศักดิ์สิทธิ์" หรือ "หลวงพ่อมงคล" เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอุทัยธานี เป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสำริด ซึ่งเราก็ได้กราบไหว้และขอพรจากท่านไปตามธรรมเนียมปฏิบัติ ก่อนที่ออกจากวิหาร เพื่อเดินตรงไปยังบริเวณลานวัดด้านหน้า ซึ่งจะมองเห็นยอดเขากระแสกรังตั้งตระหง่านอยู่

เขาสะแกกรัง ภูเขาสำคัญคู่บ้านคู่เมืองอุทัย

"เขาสะแกกรัง" เป็นภูเขาสำคัญของเมืองอุทัย ซึ่งเมื่อถึงเทศกาลออกพรรษาจะมีประเพณีตักบาตรเทโวขึ้นที่นี่ การเที่ยวเขาสะแกกรังสามารถเดินขึ้นตามบันไดที่ทอดตัวขึ้นสู่ยอดเขาด้านบน ซึ่งเมื่อเดินขึ้นไปตามขั้นบันไดกว่า 449 นับว่าเหนื่อยเอาเรื่องอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อขึ้นไปยอดเขาด้านบนก็รู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง

เพราะเมื่อมาถึงยอดเขาด้านบนได้สัมผัสถึงทัศนียภาพอันงดงามและความเงียบสงบอันน่าอยู่ของเมืองอุทัยฯ และมีมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลองให้ได้กราบไหว้ ด้านหน้ามณฑปยังมีระฆังสัมฤทธิ์ใบใหญ่ที่สร้างในสมัย ร. 5 ว่ากันว่าหากใครไม่ได้ขึ้นมาตีระฆังใบนี้ก็เท่ากับไม่ได้มาเที่ยวเมืองอุทัยฯ งานนี้เราเลยตีระฆังอย่างเสียงดังไปหลายที เพื่อประกาศให้รู้ว่าเราได้มาเที่ยวเมืองอุทัยฯ แล้วนะจะบอกให้

หลังจากตีระฆังป่าวประกาศแล้ว เราก็เดินเที่ยวบนเขาอีกสักหน่อย เพราะด้านหลังมณฑปมีพระพุทธรูปและพระสังกัจจายให้สักการะ มีศาลาประดิษฐานรูปหล่อพระเกจิอาจารย์ดังหลายท่าน และมีศาลเจ้าแม่กวนอิมให้ได้กราบไหว้กัน

และใกล้ๆ กับบนยอดเขาสะแกกรังไปทางด้านหลัง ยังมี "พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก" หรือที่ชาวอุทัยเรียกว่า "พระชนกจักรี" ซึ่งเป็นพระราชบิดาของรัชกาลที่ 1 สร้างเป็นรูปหล่อขนาดสองเท่าขององค์จริงประทับนั่งอยู่บนแท่น ดูสง่างามน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก เรายกมือไหว้สักการะท่าน ก่อนที่จะเดินเท้าลงจากเขาสะแกกรัง พร้อมกับมุ่งหน้าไปยังจุดมุ่งหมายต่อไปที่ "วัดอุโปสถาราม"

วัดโบสถ์ วัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสะแกกรัง

เดิมทีวัดอุโปสถาราม มีชื่อว่าวัดโบสถ์มโนรมย์ ชาวอุทัยฯ มักเรียกติดปากว่า "วัดโบสถ์" เป็นวัดเก่าแก่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสะแกกรัง วัดนี้มีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย อย่างสิ่งของโบราณที่ ร.5 ทรงพระราชทานแก่หลวงพ่อจันวัดโบสถ์ ที่ทางวัดเก็บไว้ได้ชม อาทิ บาตรฝาประดับมุก บาตรเนื้อลงหิน ย่ามเสด็จประพาสยุโรป

และเมื่อเดินเที่ยวทั่ววัดก็จะได้เห็นอาคารสถาปัตยกรรมที่น่ายลมากมาย อย่างโบสถ์และวิหารเก่าที่มีจิตรกรรมฝาผนังสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้นที่งดงามไปด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติ มีเจดี 3 องค์ 3 สมัยที่หาชมได้ยาก มีมณฑปแปดเหลี่ยมที่ตั้งติดริมน้ำ สวยงามด้วยศิลปะผสมแบบตะวันตก และมีแพโบสถ์น้ำ ที่ตั้งอยู่หน้าวัดสร้างขึ้นเพื่อรับเสด็จ ร.5 เมื่อครั้งเสด็จประพาสมณฑลฝ่ายเหนือเมื่อพ.ศ. 2449 ปัจจุบันแพโบสถ์น้ำหลังนี้ชาวอุทัยฯ ใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาต่าง ๆ

บรรยากาศร้านขายยาจีนโบราณ บริเวณตลาดเมืองอุทัยฯ

เราเดินดูของดีที่มีอยู่มากมายในวัดโบสถ์จนหนำใจแล้ว ก็เดินออกจากวัด เดินข้ามสะพานปูนไปยัง ตลาดที่อยู่ฝั่งริมฝั่งแม่น้ำสะแกกรัง ซึ่งตลาดแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นตลาดโบราณที่มีอายุประมาณ 100 ปีเห็นจะได้ ตลาดแห่งนี้มีความน่าสนใจตรงที่ ตลาดริมน้ำตรงนี้ทั้งยามเช้าและยามเย็นจะคลาคล่ำไปด้วยเหล่าพ่อค้าแม่ค้าที่พากันมาขายของมีทั้งพวกผลไม้รากไม้ ของกินอาหาร ขนมมากมาย และยังมีปลาแรดซึ่งเป็นปลาที่ขึ้นชื่อของเมืองอุทัยวางขายให้ได้เลือกซื้อไปลิ้มรสกัน

"ผู้จัดการท่องเที่ยว" เดินจับจ่ายซื้อของอย่างสนุกสนาน เพราะด้วยความที่ของขายราคาถูกบวกกับอัธยาศัยอันมีมิตรไมตรีของพ่อค้าแม่ค้าชาวอุทัย ทำเอาเราเหมาซื้อของกินกลับไปมากมาย ก่อนที่จะเดินออกจากตาดริมน้ำ เดินไปดูตลาดด้านในกันต่อ ซึ่งภายในตลาดยังมีบ้านเรือนเก่าแก่ให้ได้ชม อย่างบ้านที่เป็นร้านขายยาจีนโบราณ ที่มีนามว่า "ฮกแซตึ๊ง" ที่ถึงจะปิดตัวไปแล้ว แต่ภายในบ้านมีความน่าสนใจ ตัวเรือนเป็นบ้านไม้ 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นที่ขายยา ยังมีตู้ลิ้นชักเก็บยาแบบโบราณให้ได้ดู ส่วนชั้น 2 มีห้องโถงตรงกลาง ที่มีภาพวาดสวยๆ แบบศิลปะจีนแขวนไว้ให้ได้ชม ซึ่งหากอยากมาชมร้านขายยาจีนนี้ต้องติดต่อมาก่อน เพราะปกติไม่ได้เปิดให้เข้าชม

วิถีชีวิตชาวเรือนแพเมืองอุทัยฯ ที่อาศัยพักพิงอยู่กินกับแม่น้ำสะแกกรัง

เราเพลิดเพลินใช้เวลาเดินเที่ยวตลาดโบราณอยู่นานสองนาน หันมองนาฬิกาดูอีกทีก็ได้เวลาเย็นพอดี ที่ต้องขอลาจากตลาด เพื่อตรงไปยังหน้าศาลากลาง จ.อุทัยธานี เพราะว่าเราจะไปนั่งเรือล่องแม่น้ำสะแกกรัง ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหลักเปรียบได้ดั่งเส้นเลือดหลักสำคัญที่หล่อเลี้ยงชาวอุทัย

เรือค่อยๆ พาเราล่องไหลเอื่อยไปเรื่อยๆ ตามลำน้ำสะแกกรัง พระอาทิตย์ยามเย็นทอแสงอ่อนๆ สาดส่องไปตามผิวน้ำดูช่างสงบเงียบสอดคล้องกับวีถีชีวิตของชาวเรือนแพริมน้ำที่ตั้งเป็นทิวแถวไปตามลำน้ำ บางบ้านเลี้ยงปลาในกระชังเพื่อขายเลี้ยงชีพ นับว่าเป็นการอาศัยพึ่งพิงสายน้ำสะแกรังหล่อเลี้ยงชีวิต ซึ่งถือว่าเป็นโชคดีที่เราได้มาสัมผัสกับวิถีแห่งธรรมชาติแบบนี้ที่เมืองอุทัยธานี

แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา การล่องเรือก็ย่อมมีวันสิ้นสุด เมื่อนาวาลำย่อมค่อยๆแล่นไปเทียบท่ายังบริเวณวัดจันทารามเพื่อให้เราขึ้นฝั่งกันที่นี่

แม้การล่องเรือจะสิ้นสุดแต่การเที่ยวของเรายังไม่สิ้นสุด เพราะที่วัดจันทารามจุดขึ้นฝั่งนั้นถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์สำคัญ ที่หากใครมาอุทัยแล้วพลาดการเที่ยวชมวัดนี้ไปก็น่าเสียดายแย่เลย

ปราสาททอง อีกหนึ่งสิ่งก่อสร้างอันงดงามของวัดท่าซุง

"วัดจันทาราม" หรือที่คุ้นหูนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ว่า "วัดท่าซุง" เป็นวัดเก่าแก่ตั้งแต่สมัยอยุธยา ปัจจุบันถือว่าเป็นวัดดังแห่งเมืองอุทัยฯ ที่มีชื่อเสียงเพราะ "พระราชพรหมยาน" หรือ "หลวงพ่อฤาษีลิงดำ" ที่ท่านได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดและได้ทำการพัฒนาให้วัดท่าซุงจากที่เคยเป็นวัดเล็กๆ มีเพียงโบสถ์หลังเล็กๆ กลับกลายเป็นวัดใหญ่โต มีอาณาบริเวณพื้นที่กว้างขวาง และภายในวัดยังมีสิ่งปลูกสร้างมากมายให้เที่ยวชม

เริ่มจาก "วิหารแก้ว" ที่มีความงดงามตระการตาด้วยเสาประดับกระจกกว่า 164 ต้นทอแสงระยิบระยับล้อกับแสงอันแวววาวจากโคมไฟคริสตัลทั้ง 119 ดวงบนเพดาน ทำให้บรรยากาศภายในวิหารดูราวกับสรวงสวรรค์ก็ไม่ปาน นอกจากนั้นภายในยังประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลององค์ทองเหลืองอร่าม และด้านหลังตรงกันข้ามยังเป็นที่ประดิษฐานสังขารของหลวงพ่อฤาษีลิงดำที่ถึงแม้ว่าท่านจะมรณภาพไปตั้งแต่ 30 ต.ค. 2535 แต่สังขารของท่านยังอยู่ไม่เน่าเปื่อย เป็นที่เคารพสักการะกราบไหว้ของทุกคน ซึ่งวิหารนี้จะเปิดให้เข้าชมเป็นเวลาคือ ช่วงเช้า 9.00-11.45 ช่วงบ่าย 14.00-16.00

หลังจากชมความงามของวิหารแก้วและกราบขอพรจากพระและหลวงพ่อฤาษีลิงดำแล้ว เราก็ตรงไปยัง "ปราสาททองกาญจนาภิเษก" หรือ "ปราสาททอง" ที่ดูโดดเด่นด้วยตัวปราสาทสีทองเหลืองอร่ามขนาดใหญ่ ภายนอกและภายในตกแต่งประดับประดาด้วยงานพุทธศิลป์อันวิจิตงดงาม

ปราสาทหลังนี้แม้จะยังสร้างไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ก็ได้แสดงศักยภาพแห่งความงามออกมาให้เห็นกันอย่างชัดแจ้ง ถือเป็นหนึ่งในความงามคู่เมืองอุทัยที่หากใครได้ไปเที่ยวชมเมืองนี้แล้ว อาจจะต้องมนต์ตกหลุมรัก จนต้องกลับไปเยือนอุทัยฯอยู่บ่อยครั้งก็เป็นได้

* * * * * * * * * *

นักท่องเที่ยวที่สนใจไปเที่ยวจังหวัดอุทัยธานี สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ททท. ภาคเหนือ เขต 4 โทร. 0-5551-4341-3 หรือติดต่อได้ที่สำนักงานจังหวัดอุทัยฯ โทร. 0-5651-6700 ต่อ 18028

ที่มา จากหนังสือพิมพ์ "ผู้จัดการท่องเที่ยว"


ไปข้างบน