หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook
อ่านมิลินทปัญหา คลิกที่นี่
อ่านจตุคามรามเทพ  คลิกที่นี่
อ่านฐานิโยธรรม  คลิกที่นี่
อ่านฮาธรรมะ พระพยอม  คลิกที่นี่
ขอต้อนรับสู่ โรงแรมเดอะริช

‘ไล่ตงจิ้น’ จากลูกขอทาน สู่บุคคลผู้เปี่ยมด้วยคุณภาพ


ไล่ตงจิ้น ลูกขอทาน ผลงานเขียนของ LAI DONG JIN ว่ากันว่าในไต้หวันหนังสือเล่มนี้ขายได้กว่า 1,000,000 เล่ม (อ่านว่า 1 ล้านเล่ม) กล่าวได้ว่า ยากยิ่งที่หนังสือเล่มใดในเกาะเล็ก ๆ ของไต้หวันจะทำได้

ขอรบกวนอะไรสักอย่าง...รบกวนให้คุณลองพาตัวเองเข้าไปอยู่ในบางเศษเสี้ยวแห่งความทรงจำของผู้ชายคนหนึ่ง หากคุณพร้อมแล้ว ลองนึกภาพตาม

สถานที่ที่เขาลืมตาดูโลกเป็นครั้งแรก คือสุสาน ต้องใช้ชีวิตอยู่ในสถานที่เช่นนั้นมานับ 10 ปี มีพ่อที่เป็นขอทานตาบอด ส่วนแม่เป็นคนปัญญาอ่อน มีไอคิวเพียง 58 เท่านั้น มีน้องอีก 10 คน ที่คลานตามกันออกมาให้เขาต้องดูแลในฐานะลูกชายคนโต เขาและครอบครัว ‘ยังชีพ’ ด้วยการขอทาน การได้เรียนหนังสือ คือ ความใฝ่ฝันที่ไม่มีวันเป็นจริงได้

คนๆ เดียวที่ให้ความอบอุ่นและคอยปลอบโยนเขาเสมอ คือพี่สาวคนโต เธอเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยนและเอื้ออารี ทุกครั้งที่ถูกพ่อตี สองคนพี่น้องจะปลอบโยนซึ่งกันและกัน หรือคราวใดที่ไปขอทานแล้วต้องโดนผู้คนดูถูก ดุด่าว่ากล่าว กำลังใจและถ้อยคำของพี่สาวเรียบเสมือนหยาดฝนคอยหล่อเลี้ยงชีวิตอันแห้งผาก

นานเข้า ฐานะครอบครัวยิ่งเลวร้าย ยากจนข้นแค้นหนักขึ้น แต่ทุกคนต่างอดทนกันเรื่อยมา กระทั่งวันหนึ่ง พ่อบอกว่า ตัวเขาจะได้เรียนหนังสือ ความฝันของเขาเป็นจริง เพราะพ่อขายพี่สาว ซึ่งตอนนั้นมีอายุเพียง 13 ปี ให้กับซ่องโสเภณีแห่งหนึ่ง เพื่อนำเงินมาจุนเจือครอบครัว และเพื่อให้เขา ผู้เป็นลูกชายคนโตได้เรียนหนังสือ พี่สาวคนเดียวในชีวิต พี่สาวที่ตนรัก พี่สาวที่คอยอยู่เคียงข้างและปลอบโยนเรื่อยมาต้องขายตัวเพื่อทุกคน หัวใจของเขาราวกับจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ...

เรื่องราวทั้งหมดนี้ไม่ใช่นิยาย แต่เกิดขึ้นในชีวิตจริงของลูกขอทานคนหนึ่ง ถ้าคุณเป็นเขา คุณคิดว่าจะมีชีวิตเป็นเช่นไร อยู่รอดปลอดภัย ? สามารถต่อสู้กับสภาพแวดล้อมและจิตใจของตนเองได้จนถึงวันนี้หรือไม่? แต่ชายผู้เป็นเจ้าของชีวิตที่แสนจะรันทดนี้ ทำได้

เขาคือ ‘ไล่ตงจิ้น’ เป็นชาวไต้หวัน และเป็นเจ้าของผลงาน ‘ไล่ตงจิ้น ลูกขอทาน’

เรื่องเล่าที่ผ่านสายตาไป เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของความโหดร้ายในชีวิต สิ่งที่ได้รับจากเรื่องราวชีวิตของไล่ตงจิ้น ไม่ใช่ความสิ้นหวัง รันทด อ่อนแอ หรือยอมพ่ายแพ้ต่อชะตากรรม แต่เรื่องของชีวิตที่แทบไม่เหมือนชีวิตคนเล่มนี้ เป็นกำลังใจและพยายามบอกกับผู้อ่าน ว่าอย่ายอมแพ้อะไรง่ายๆ

“ผมเกิดในปี 1959 เป็นช่วงที่ไต้หวันอยู่ในยุคสมัยของการเกษตรกรรม และสงครามโลกครั้งที่สองเพิ่งเสร็จสิ้นไปไม่นานนัก ตอนนั้นประเทศของเราค่อนข้างยากจน” เป็นคำบอกเล่าจากไล่ตงจิ้น หรือ อาจิ้น (ที่บินตรงมาจากไต้หวัน เพื่อเปิดตัวหนังสือของเขาที่เมืองไทยโดยนานมี บุ๊คส์ได้รับลิขสิทธิ์การแปลและจัดจำหน่าย)

“ผมเกิดในสุสาน ตรงบริเวณที่ใช้เก็บกระดูกคนตาย ของเล่นสำหรับเด็กอย่างผม ก็คือกระดูกคนตายนั่นเอง”

อาจิ้นเล่าว่า อาชีพขอทานอย่างเขาต้องพเนจรไปเรื่อยๆ เพราะหากอยู่สถานที่ใดที่หนึ่งนานเกินไป ผู้คนจะจดจำได้และไม่ค่อยได้เงิน เขาเร่ร่อนขอทานมากว่า 10 ปีก่อนจะได้เข้าโรงเรียน

“ผมไม่เคยคิดว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร มีชีวิตอยู่ให้ได้แค่วันนี้ก็พอ ชีวิตของผมในช่วงนั้นเหมือนไม่ใช่ชีวิตคน อาหารที่ดีที่สุดสำหรับผม คือ อาหารที่คนเขากินเหลือ เสื้อผ้าที่ใส่ ก็เก็บมาจากเสื้อผ้าคนตายที่ญาติๆ เขา เอามาทิ้งไว้ แล้วผมก็เอามาห่อตัว สิ่งห่อหุ้มร่างกายผมมีเพียงเท่านั้น ไม่เคยรู้จักว่าชุดชั้นในเป็นอย่างไร”


ไล่ตงจิ้น

“ผมได้เรียนหนังสือ ก็เพราะเงินของพี่สาวที่ได้มาจากการขายตัว เวลาไปเรียนหนังสือ แล้วมีนักเรียนคนอื่นมาล้อเลียนว่าเป็นลูกขอทาน ผมไม่เคยโต้ตอบเขา แต่อดทนเสมอมา เพราะผมได้เรียนก็เพราะความลำบากของพี่ ผมจึงคิดที่จะตั้งใจเรียนเพื่อพี่สาว เพื่อพ่อ แม่ และเพื่อน้องของผม”

อาจิ้น ไม่เคยยอมแพ้ต่อคำดูถูกและคำสบประมาท แต่นำมาเป็นแรงผลักดันให้เกิดความมานะพยายาม ในที่สุดเขาก็ได้รับการยอมรับจากเพื่อนๆ ได้รับเลือกให้เป็นหัวหน้าชั้นตลอดมา มีผลการเรียนดี ได้รับเกียรติบัตรจากความรู้ความสามารถ มากถึง 130 ใบ เคยได้รับรางวัล 10 สุดยอดเยาวชนของไต้หวัน สุดยอดผู้นำหมู่บ้าน รวมทั้งรางวัลเยาวชนดีเด่นของหมู่บ้านด้วย

มุมานะจนเรียนจบเทคนิค สาขาวิชาที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีไฟฟ้า ปัจจุบันมีตำแหน่งเป็นหัวหน้าโรงงานของบริษัทแห่งหนึ่ง ที่เขามีส่วนเป็นผู้ร่วมบุกเบิก ฐานะของเขาและครอบครัวมีความเป็นอยู่สุขสบาย ไม่ลำบากเหมือนก่อนแล้ว พี่สาวก็เช่นกัน อาจิ้นยังคงดูแลและช่วยเหลือทุกคนในครอบครัวอยู่เสมอ เขามีภรรยาที่รักเขาและมีลูกๆ ที่น่ารัก

ก่อนจากกัน อาจิ้นฝากข้อคิดไว้ว่า

“ผมไม่เคยโทษฟ้า ไม่เคยโทษดิน ผมสู้และลงมือทำอย่างเต็มที่ ไม่ใช่เอาแต่อ้อนวอนขอพรต่อสวรรค์โดยไม่ทำอะไรเลย”

“เมื่อไหร่ที่มีปัญหา อย่าโทษตัวเอง ให้มั่นใจในชีวิตของคุณ ตั้งปณิธานไว้และทำให้ได้ ผมเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้น โดยไม่มีเจตนาจะสร้างความโศกเศร้าให้ใคร แต่หวังให้คุณสู้ชีวิตต่อไปจนได้ดี มีชีวิตที่ดีกว่า และประสบความสำเร็จมากกว่าผม”

เมื่อใดที่ชีวิตเผชิญกับปัญหา ท้อแท้หมดกำลังใจ ยืนหยัดและลุกขึ้นมาให้ได้ อย่ายอมแพ้เขา... ‘ไล่ตงจิ้น’ ลูกขอทาน ผู้ยิ่งใหญ่

อ่าน อัตชีวประวัติของไล่ตงจิ้นฉบับเต็ม 49 ตอน ได้ที่ http://www.palungdham.com/board/showthread.php?p=300#post300


ไปข้างบน