หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook
อ่านมิลินทปัญหา คลิกที่นี่
อ่านจตุคามรามเทพ  คลิกที่นี่
อ่านฐานิโยธรรม  คลิกที่นี่
อ่านฮาธรรมะ พระพยอม  คลิกที่นี่
ขอต้อนรับสู่ โรงแรมเดอะริช

วิถี แห่ง การปฏิบัติ วิถี แห่ง พระอาจารย์ "มั่น" วิถี แห่ง กำหนด "จิต"


พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

การเดินทางจากวัดเจดีย์หลวงมายังวัดบรมนิวาส มีเรื่องหลายเรื่องนำไปสู่การเปรียบเทียบอย่างมีนัยสำคัญ

อย่าลืมเป็นอันขาดว่าเป็นเส้นทางเดียวกันกับเมื่อปี 2471

จะแตกต่างกันก็เพียงแต่ว่าเมื่อปี 2471 ท่านเดินทางไปยังเชียงใหม่พร้อมกับ ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท)

แต่ในปี 2482 พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เดินทางโดยไม่มี ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) เพราะว่าท่านมรณภาพไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2475 นั้นแล้ว เป็นการมรณภาพที่ได้รับการจดจารบันทึกไว้ว่า เป็นการมรณภาพด้วยอิริยาบถนั่งด้วยอาการสงบ ปราศจากความกระวนกระวาย ณ ห้องกลาง กุฏิหอเขียว วัดบรมนิวาส สิริรวมอายุได้ 77 ปี พรรษา 55

การเดินทางจากวัดเจดีย์หลวงมายังมหานครกรุงเทพฯและตรงไปพำนักยังวัดบรมนิวาสจึงเป็นเส้นทางสายกลับ โดยไม่มีท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) นั่งมาด้วย

ไม่มีอะไรพิสดารยอกย้อนในการเดินทางนอกจากจัดบริขาร 8 ของพระธุดงค์จะพึงมีเท่านั้นก็เป็นอันเสร็จ

ขณะที่ ท่านเจ้าคุณธรรมเจดีย์ (จูม พันธุโล) ได้ล่วงหน้ากลับมาก่อนแล้ว

กระนั้น พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ก็เล่ารายละเอียดการเดินทางครั้งนี้ให้ พระญาณวิริยาจารย์ ทราบว่า "ขณะโดยสารรถไฟเราได้พิจารณาไปด้วย ทำสมาธิเป็นการภายใน แม้จะพูดจะมองดูอะไรต่างๆ ก็ให้จิตเป็นสมาธิ มีสติ เราโดยสารรถไฟคราวนี้กำหนดจิตจนปรากฏว่าไม่มีอะไรเป็นรถไฟหรือตู้โบกี้ตู้ไหนมันกำลังวิ่งและกำลังเสียดสี มีเสียงอย่างไร ไปถึงไหน ไม่ปรากฏทั้งนั้น จิตได้เข้าสู่ความปกติ การเดินทางเป็นวันเป็นคืนเหมือนชั่วขณะเดียวและสบายมาก มีความเบา หลังจากลงจากรถไฟแล้วก็ไม่เสียกำลัง ไม่ว่าจะอยู่บนรถไฟ หรืออยู่ใน ถ้ำ ที่เชียงดาว ทุกอย่างดำเนินไปเป็นปกติ"


พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต

เมื่อเข้าพำนักที่วัดบรมนิวาส แม้ไม่มี ท่านเจ้าคุณอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) แต่ก็มี สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสโส อ้วน) เป็นเจ้าอาวาสแทน

สมณะทั้ง 2 ต่างมีความเคารพต่อกันและกัน

สมณะทั้ง 2 ต่างเป็นชาวจังหวัดอุบลราชธานีเช่นเดียวกัน และได้เคยรู้จักกันมาก่อนเป็นอย่างดี การสนทนาธรรมจึงดำเนินไปด้วยสันถวมิตรอันสนิทสนมยิ่ง เป็นการสนทนาธรรมในเชิงแลกเปลี่ยนประสบการณ์ธรรม

วันหนึ่ง สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสโส อ้วน) ถามว่า

"เธอเข้าไปอยู่ในป่า ไม่มีตำรา จะหาธรรมที่ถูกต้องได้อย่างไร"

"ธรรมนั้นมีอยู่ทุกหย่อมหญ้าสำหรับผู้มีปัญญา" เป็นคำตอบจาก พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จากนั้นก็อธิบายว่า

จิตที่ได้รับการอบรมที่ถูกต้องแล้วปัญญาย่อมเกิดขึ้น จะมองดูอะไรก็เป็นนิยายนิกธรรมทั้งสิ้น ส่วนผู้ไม่ได้รับการอบรมจิตที่ถูกต้องปัญญาแท้จริงก็ไม่เกิด แม้ผู้นั้นกำลังจับพระไตรปิฎกอ่านอยู่ก็ไม่เป็นผล ยิ่งทำให้เกิดความลังเลสงสัยตลอดไป ส่วนผู้มีปัญญาอบรมมาด้วยจิตที่ถูกต้อง แม้จะไม่ต้องจับพระไตรปิฎกแต่ก็น้อมเอาสิ่งต่างๆ มาเป็นธรรมเป็นยอดพระไตรปิฎกได้ ยกตัวอย่างเช่น สังกิจจะสามเณรไปบิณฑบาตเห็นเขาไถนา เห็นเขาไขน้ำ นำเอามาเป็นอุบายจนเกิดปัญญา แล้วท่านก็สามารถบรรลุเป็นพระอรหันต์ได้ เพราะเหตุที่ท่านได้นำเอาดินที่ชาวนากำลังไถนามาเป็นอุบายว่า

ดินไม่มีใจ ทำไมเขาจึงนำเอาไปตามประสงค์ได้

น้ำไม่มีใจ ทำไมเขาจึงทำเอาตามประสงค์ได้

เรามีใจ ทำไมไม่ทำใจให้เป็นไปตามประสงค์

เพราะเหตุนั้น ธรรมจึงมีอยู่ทุกหย่อมหญ้า มิใช่หรือ

ในปี 2482 นั้นเอง พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พำนักอยู่วัดบรมนิวาส ระยะกาลหนึ่งก็เดินทางต่อไปยังวัดป่าสาลวัน จังหวัดนครราชสีมา

เป็นวัดป่าสาลวันอัน พระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม เป็นเจ้าอาวาส

ระหว่างปี 2483-2484 พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต จำพรรษาที่วัดป่าโนนนิเวสน์ จังหวัดอุดรธานี


ไปข้างบน