หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook

อัญมณีแห่งพุทธศิลป์ตุนหวงกำลังสูญหาย?


พระโพธิสัตว์อันงดงาม หนึ่งในเอกลักษณ์ของถ้ำหินสลักม่อเกาคู

ซินหัวเน็ต-9/01/07—ณ รุ่งอรุณแห่งปี 2007 นี้ มีข่าวดีระดับประเทศ คือจีนมีนักศีกษาคนแรกที่สำเร็จด้านตุนหวงศึกษาในระดับปริญญาเอก จากมหาวิทยาลัยหลันโจว มณฑลกันซู่ ทว่า ข่าวนี้ ก็ถูกบดบังด้วยข่าวร้ายที่เผยออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน คือขณะนี้ กว่าครึ่งของภาพเขียนบนผนังถ้ำ 492 แห่งของถ้ำหินสลักม่อเกาคูแห่งตุนหวง กำลังถูกฝุ่นทรายกัดกร่อนสลายไป

รายงานเผยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ระบุว่าด้วยสภาพสิ่งแวดล้อมรอบดินแดนทะเลทรายแห่งภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนที่เสื่อมโทรมลงอย่างไม่หยุดยั้ง และลมกระโชกแรงที่ได้โหมฝุ่นทรายฟุ้งตลบขึ้นมาถึง 60 ตันต่อตารางกิโลเมตรในแต่ละวัน ขณะที่เขตทุ่งหญ้าหดหายไปถึง 77% พื้นที่ทะเลสาบเหือดแห้งไปอีก 80% ทะเลทรายค่อยๆรุกกลืนพื้นที่เพาะปลูกและทุ่งหญ้าราว 1,300 เฮกตาร์ หรือกว่า 7,800 ไร่ในแต่ละปี ( หนึ่งเฮกตาร์ เท่ากับ 10,000 ตารางเมตร หรือ ประมาณ 6 ไร่ 1 งาน)

สภาพดังกล่าวยิ่งโหมกระพือฝุ่นยิ่งปลิวว่อนอย่างรุนแรงราวปิศาจพิโรธ กระทั่งกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า ผาบางแห่งที่เป็นแหล่งขุมทรัพย์พุทธศิลป์ อาจถล่มพังครืนลงมา


ภาพนางฟ้าเหิน หนึ่งในศิลปะของถ้ำหินสลักม่อเกาคู ที่ต่อมากลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของจีน

ถ้ำม่อเกาคูแห่งเมืองตุนหวงในมณฑลกันซู่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางสายไหมแห่งยุคโบราณเป็นแหล่งสั่งสมศิลปะการแกะสลักหิน งานจิตรกรรมผนังถ้ำ ศิลปะรูปสลักเขียนสี สถาปัตยกรรมโบราณ คัมภีร์ศาสนา โบราณวัตถุกว่า 50,000 ชิ้น ที่สั่งสมมาระหว่างเวลาอันยาวนานนับ 1,000 ปี จากยุคราชวงศ์จิ้นตะวันออก (ค.ศ.317-420) กระทั่งยุคราชวงศ์หยวน (ค.ศ.1271-1368) ศิลปะต่างๆและโบราณวัตถุเหล่านี้ ได้จารึกรายละเอียดทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ศาสนา และชนชาติ กระทั่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดก ด้านวัฒนธรรมของยูเนสโกในปี 1987

ถ้ำพุทธศิลป์อันล้ำค่าแห่งนี้ ได้ยืนยงผ่านเวลามาร่วมสองสหัสวรรษโดยมิได้ถูกทำลายไป แต่ในที่สุดก็ถูกล้อมกรอบด้วยทะเลทราย เต็มไปด้วยพายุฝุ่น ที่ค่อยๆกัดเซาะกลืนกินทรัพย์สมบัติทางศิลปะ ที่เป็นดั่งอัญมณีน้ำงามของประเทศและของโลก

ทั้งรัฐบาลกลางและรัฐบาลท้องถิ่นต่างทุ่มเทอย่างหนักในการรักษาถ้ำม่อเกาคู แต่ก็ต้องผจญกับปัญหาที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกระหว่างการรักษามรดกทางวัฒนธรรม และการพัฒนาเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าว ก็ดูจะไม่เป็นปัญหาร้ายแรงหากมองในระยะยาว กล่าวคือการพัฒนาเศรษฐกิจที่ต้องจ่ายราคาด้วยความเสียหายด้านระบบนิเวศน์วิทยานั้น ไม่ผิดอะไรกับการสังหารไก่เพื่อเอาไข่ เมื่อตุนหวงถูกปิดล้อมอย่างสิ้นเชิงด้วยทะเลทราย ผู้คนก็ไม่สามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้ด้วยเช่นกัน มิต้องกล่าวถึงการพัฒนาทางเศรษฐกิจใดๆ

ถ้ำหินสลักม่อเกาคูได้สร้างชื่อแก่ตุนหวงระบือไปทั่วโลก ดังนั้น หากไร้อัญมณีแห่งถ้ำหินสลักนี้แล้ว ชื่อของตุนหวงก็จะดับสิ้นไปด้วยเช่นกัน

รายงานของซินหัวได้ชี้ว่าวิธีเดียวที่จะรักษาบ้านเรือนและถ้ำอัญมณีแห่งพุทธศิลป์ในตุนหวงไว้ได้คือ การหยุดใช้ประโยชน์อย่างมากเกินไปจากแหล่งน้ำและป่าไม้.


ไปข้างบน