หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook

ชาวเมืองพระเฮ ! “พระลาก” อายุ 300 ปีที่หายลึกลับกว่า 14 ปีได้คืนแล้ว



นครศรีธรรมราช - ชาวเมืองพระเฮ ได้คืนปาฏิหาริย์ “พระลาก” โบราณสมัยอยุธยาอายุกว่า 300 ปี หลังหายสาบสูญกว่า 10 ปี สังฆการีวัดฝันถูกทิ้งริมถนนข้ามจังหวัดและขับรถตามเจอของจริงถูกมือมืดห่อจีวรยกพากลับวัด ชาวบ้านเตรียมฉลองรับ 7 วัน 7 คืน พร้อมแฉอดีตเจ้าอาวาส ชาวบ้านเชื่อมีเอี่ยวพระหายกระโดดกุฏิตายลึกลับ

วันนี้ (25 ต.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ม.3 บ้านโคกทึง ต.ท่างิ้ว อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ว่าได้มีการติดตาม “พระลาก” ซึ่งเป็นพระโบราณคู่บ้านคู่เมืองตั้งแต่สมัยอยุธยาที่ประดิษฐานอยู่ที่วัดโรงฆ้อง ม.3 ต.ท่างิ้ว อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งถูกคนร้ายโจรกรรมไปเมื่อปี 2536 จนถึงปัจจุบันรวม 14 ปี ได้ถูกตามจนเจอและได้นำกลับคืนมายังวัดอย่างปาฏิหารณ์

หลังจากที่เดินทางตรวจสอบพบว่าภายในวัดดังกล่าวมีชาวบ้านหลายร้อยคนมาร่วมกันฉลองโดยการตั้งขบวนกลองยาว และต่างก็รำกลองยาวกันอย่างสนุกสนานโดยมีพระพุทธรูปซึ่งชาวบ้านเรียกว่า พระลากองค์ดังกล่าว ซึ่งมีความสูงราว 1.50 เมตรปางอุ้มบาตร เนื้อทองสัมฤทธิ์ศิลปะสมัยอยุธยาตอนซึ่งมีการประมาณการว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 300-400 ปี ได้ถูกนำขึ้นประดิษฐานบนรถยนต์กระบะเตรียมที่จะตั้งขวนแห่ไปทั้งตำบลเพื่อให้ชาวบ้านได้ทราบข่าวและร่วมกันสักการะกันอย่างทั่วถึง

ด.ต.ชัยยุทธ ชำนาญคำ อายุ 58 ปี อดีต ตชด.มีหน้าที่เป็นสังฆการีของวัดโรงฆ้อง ซึ่งเป็นผู้ติดตามจนพบพระพุทธรูปองค์ดังกล่าว เปิดเผย ด้วยท่าทีที่ตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดว่าที่สามารถตามพระองค์นี้จนเจอนั้นเพราะความฝัน สืบเนื่องจากเมื่อคืนวันที่ 21 ต.ค.2549 พระลากองค์นี้ได้มาเข้าฝันตนเอง บอกว่าที่ตนได้เข้ามาบูรณะวัดนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้อง มีสิ่งสาธารณะประโยชน์เกิดขึ้น แต่สิ่งที่ขาดคือพระลากของวัดที่หายไป

“ในฝันบอกว่าพระลากองค์นี้ได้ถูกนำมาทิ้งไว้ข้างถนน พ่อท่านร้อนอยู่ 2-3 วันแล้วให้ไปรับกลับมาด้วย หลังจากนั้นก็ทราบว่าจุดนั้นอยู่บนถนนสายพระแสง-เคียนซา อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี จะอยู่ทางซ้ายมือ หลังจากคิดว่าจะเป็นความจริงหรือไม่จริงจนกระทั่งวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมาจึงตัดสินใจเดินทางไปกับนายราย ชำนาญดำ ผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ต.ท่างิ้ว ซึ่งเป็นน้องชาย เมื่อเดินทางไปถึงก็พบว่ามีห่อจีวรอยู่ข้างทาง จึงลงไปแกะห่อนั้นดูก็พบว่ามีพระองค์นี้อยู่ข้างในจริงๆ ถึงกับขนลุกและพูดอะไรไม่ถูก หลังจากนั้นพยายามที่จะยกขึ้นรถ แต่ยกไม่ไหวจึงอธิษฐานนิมนต์กลับวัด และไปตามชาวบ้านที่อยู่ห่างจากจุดนั้นประมาณ 300 เมตรมาช่วยยกจนนำขึ้นรถและนำกลับมายังวัดได้สำเร็จเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา และได้หารือกันเตรียมที่จะสมโภชน์กัน 7 วัน 7 คืน”

ด.ต.ชัยยุทธ ชำนาญคำ ยังเล่าถึงการหายไปของพระลากองค์ดังกล่าวเมื่อหลายปีก่อนว่า วันที่พระหายไปนั้นไม่ชัดเจนว่าเป็นวันที่เท่าไหร่ แต่ที่ชาวบ้านได้รู้กันคือในวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 ปี 2536 ซึ่งมีพระอธิการศิริ ปัญญาศิริ เป็นเจ้าอาวาส และในวันนั้นจะเป็นประเพณีชักพระประจำปีเช่นทุกปี ก็มีผู้ใหญ่สด ผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ต.ท่างิ้ว พาชาวบ้านมาหาเจ้าอาวาสในขณะนั้น ว่าจะเอาพระมาประดิษฐานบนเรือพนมพระลากกันเช่นทุกปี

แต่พระอธิการศิริ บอกว่า “ทำไมต้องลากกันทุกปี พักผ่อนกันบ้าง” แต่ชาวบ้านและผู้ใหญ่บ้านก็ไม่ยอมจะต้องนิมนต์มาประดิษฐานบนเรือพนมพระให้ได้เพราะเป็นประเพณีเช่นทุกปี หลังจากนั้น พระอธิการศิริได้โยนกุญแจกุฏิให้และบอกว่า “เอาไปจะลากก็ลาก” แต่เมื่อชาวบ้านหยิบกุญแจจึงได้รับคำตอบว่า “ไม่ต้องไขกุญแจพระไม่อยู่แล้วไปกรุงเทพนานแล้วให้เขาไปนานแล้ว ”

“ผมเชื่อว่าอดีตเจ้าอาวาสรู้ว่าพระองค์นี้หายไปไหนอย่างไร หลังจากนั้นก็มีการแจ้งความโดยนายสำราญ จุลนวล เป็นคนแจ้งหายแต่ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นใครโจรกรรม แต่สิ่งที่ชาวบ้านเห็นเป็นประจักษ์คือหลังจากนั้นพระอธิการศิริได้ล้มป่วยกระเสาะกระแสะอยู่ร่วม 3 ปี และอยู่มาวันหนึ่งก็ตะโกนบอกว่ามีเครื่องบินมารับ และกระโดดชั้นสองของกุฏิถึงแก่มรณภาพ ผมเองก็พาศพมาบำเพ็ญกุศลในวัดแห่งนี้” ด.ต.ชัยยุทธกล่าว

ขณะที่พระอธิการชม ปิยวัณโณ เจ้าอาวาสวัดศาลาไพ ในฐานะรักษาการเจ้าอาวาสวัดโรงฆ้อง อายุ 70 ปี เปิดเผยว่า สมัยยังเป็นเด็กนั้นมีพระอาจารย์เอียดขาว เป็นเจ้าอาวาสมีพระลากองค์นี้ประดิษฐานอยู่ในวัดอยู่แล้ว ซึ่งครั้งหนึ่งพระอาจารย์เอียดขาวเคยบอกว่าสมัยของพระอาจารย์ทับ ซึ่งเป็นพระอาจารย์ของพระอาจารย์เอียดขาวนั้นก็มีพระองค์นี้อยู่แล้วช่วงนี้นับย้อนหลังไปราว 200 ปี และเมื่อดูศิลปะนั้นเข้าใจว่าเป็นศิลปะสมัยอยุธยา มีอายุราว 300-400 ปี อย่างแน่นอน นับว่าเป็นพระลากที่ชาวบ้านเคารพนับถือในความศักดิ์สิทธิ์ เป็นพระโบราณคู่บ้านคู่เมืองก็ว่าได้และการได้คืนกลับมานั้นถือว่าเป็นปาฏิหาริย์หาคำอธิบายไม่ได้

อย่างไรก็ตาม คนเฒ่าคนแก่ในละแวกวัดที่เข้ามาร่วมกันฉลองการได้กลับมาของพระลากต่างก็วิพากษ์วิจารณ์เป็นเสียงเดียวกันว่า ผู้ที่ครอบครองพระลากหลังจากที่หายไปจากวัดอาจจะพบกับสิ่งลี้ลับบางอย่างที่ไม่สามารถครอบครองพระลากองค์นี้ได้อีกต่อไป จึงนำมาทิ้งไว้ริมถนนเพื่อให้คนมาพบก็เป็นได้ แต่เป็นที่น่าแปลกใจที่ถูกทิ้งไว้ริมถนนกลับไม่มีใครพบเห็น จนมีคนเดินทางไปจากนครศรีธรรมราช ไปพบถึง จ.สุราษฎร์ธานี ได้อย่างเหลือเชื่อ




ไปข้างบน