หน้าแรก
พระพุทธเจ้า
เสียงธรรมบรรยาย
(เว็บบอร์ด) forum
สารบัญเว็บไทย
คำสอนหลวงพ่อพุธ
รวมรูปภาพ
Guestbook

"ทักษิณ"ได้ไม่ครบ 7.3 หมื่นล้าน ฮึดสู้-รอเทมาเส็กจ่ายตามงวด

คนแวดวงธุรกิจเห็นพ้อง "ทักษิณ" ขายชิน คอร์ป ยังได้เงินไม่ครบ ต้นเหตุหาทางทวงคืนอำนาจ ดีลสัมปทานรัฐ ต้องแบ่งส่วนจ่ายตามงวดความสำเร็จ แต่ก้อนแรกได้ไปแล้วแน่ ส่วนการโยกเงินออกนอกประเทศคงไม่มี เพราะบัญชีเหล่านี้มักเปิดในต่างประเทศ ส่วนความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศชื่อเสียงผู้นำคนใหม่สำคัญ



แม้คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะยึดอำนาจการปกครองจากพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร แต่ยังมีความพยายามฮึดสู้ของกลุ่มที่สนับสนุนทักษิณ ชินวัตร อยู่ ทั้งจากพลังทางทหารร่วมรุ่นและมหามิตรจากต่างประเทศ เพื่อให้ได้กลับมาครองอำนาจอีกครั้ง และมูลเหตุจูงใจในความพยายามนี้นอกจากเรื่องของอำนาจแล้วยังมีเรื่องที่ค้างคาอยู่นั่นคือเงินที่ได้จากการขายชิน คอร์ป

แหล่งข่าวจากวงการธุรกิจกล่าวว่า "ขณะนี้เงิน 7.3 หมื่นล้านบาทที่พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีขายหุ้นบริษัทชิน คอร์ปอเรชั่นให้กับเทมาเส็ก โฮลดิ้งส์ ตั้งแต่ 23 มกราคม 2549 นั้น ยืนยันได้ว่าเงินที่ได้รับจากการขายนั้นทางตระกูลชินวัตรยังได้รับไม่ครบ"

ตามหลักการของการทำดีลขนาดใหญ่อย่างนี้ จะต้องมีการทำข้อตกลงในการแบ่งจ่ายเงินเป็นงวด ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขายว่าจะมีการจ่ายเงินทั้งหมดกี่งวด แต่ละงวดจ่ายกี่เปอร์เซนต์ แม้จะมีการโอนเงินเพื่อเตรียมชำระไว้ทั้งหมด 7.3 หมื่นล้านบาทก็ตาม แต่เงินก้อนดังกล่าวจะถูกนำมาพักไว้ที่สถาบันการเงิน

เมื่อสามารถทำได้ตามเงื่อนไขก็จะจ่ายเงินแต่ละงวดออกไป แน่นอนว่าเงินก้อนแรกตระกูลชินวัตรรับไปแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนใหญ่ก้อนแรกมักจะจ่ายกันราว 20-30% หรือราว 14,600-21,900 ล้านบาท ส่วนงวดต่อมาจะได้รับหรือไม่คงตอบยากเพื่อเป็นเรื่องการตกลงกันแค่ 2 ฝ่าย แต่หากพิจารณาหลังจากการขายหุ้นชิน คอร์ป ออกไป สถานการณ์ทางการเมืองไม่ดีและยอดลูกค้าของกลุ่มชิน คอร์ป ลดลง

นอกจากนี้กรณีซื้อชิน คอร์ป มีธุรกิจที่ผูกพันธ์กับสัมปทานของรัฐย่อมมีเงื่อนไขในการจ่ายเงินอิงกับเงื่อนไขในการได้รับสัมปทานตามไปด้วย อย่างน้อยส่วนนี้ยังจะไม่ถูกจ่ายออกไปอีก 25-30% หรือราว 18,250-21,900 ล้านบาท

ผู้บริหารระดับสูงธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่งกล่าวว่า เรื่องการจ่ายเงินหรือการนำเงินออกของกลุ่มชินวัตร ตรวจสอบได้ยาก เนื่องจากบุคคลระดับผู้นำประเทศและเป็นผู้นำองค์ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาก่อน คงไม่ให้มีการจ่ายเงินในบัญชีในประเทศทั้งก้อนที่ได้รับมา ผู้นำระดับนี้ย่อมมีบัญชีในต่างประเทศเกือบทั้งสิ้น

ส่วนผลกระทบจากการยึดอำนาจในครั้ง ตอนนี้ยังประเมินสถานการณ์ไม่ได้ เนื่องจากในภาคธุรกิจคงต้องรอดูตัวบุคคลว่าใครจะมาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ตรงนั้นถึงจะตอบได้ว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนและนักธุรกิจทั้งในและต่างประเทศจะออกมาในลักษณะใด เท่าที่ประเมินจากสภาพตลาดเงินและตลาดพันธบัตรในวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมาไม่ได้ปรับเปลี่ยนไปอย่างมีนัยยะสำคัญ

ด้านโบรกเกอร์ต่างประเทศมองว่า หากเปิดตลาดมาตลาดหุ้นไทยคงปรับตัวลดลงทันที เนื่องจากนักลงทุนต่างประเทศไม่ค่อยชอบในเรื่องการยึดอำนาจ อาจไม่แน่ใจถึงทิศทางการเดินหน้าต่อไปของประเทศไทย ส่วนจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับตัวบุคคลที่เข้ามารับตำแหน่ง หากเป็นบุคคลที่เป็นที่รู้จักของนักลงทุนเหล่านี้ก็น่าจะช่วยให้ดัชนีปรับลดลงไม่มาก หรืออาจฟื้นได้ภายระยะเวลาอันสั้น

ขณะที่สมชัย สัจจพงษ์ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากปฏิรูปการปกครองมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ แต่จะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการคืนอำนาจประชาธิปไตยให้กับประชาชน หมายถึงการมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่ต้องร่างขึ้นมาโดยให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมเพื่อความโปร่งใส จากนั้นก็จัดให้มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งเพื่อเป็นการคืนอำนาจอย่างแท้จริง

ที่สำคัญคือคณะปฏิรูปการปกครองจะมีทิศทางในการกับปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร เพราะเรื่องของน้ำมันและดอกเบี้ยระยะนี้ถือว่าอยู่ในระดับคงที่

"ผลกระทบจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่าจะจัดการให้มีการเลือกได้เร็วขนาดไหน ถ้ายิ่งช้าผลกระทบต่อเศรษฐกิจก็จะมากขึ้น หากล่าช้าออกไปอีก 3 เดือนเศรษฐกิจจะนิ่งเพราะนักลงทุนชะลอการลงทุนเพื่อรอความชัดเจนทางการเมือง"

อย่างไรก็ตามรองผู้อำนวยการ สศค. กล่าวว่า นักลงทุนต่างประเทศยังเชื่อมั่นต่อประเทศไทย เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ใช่เหตุการณ์รุนแรง ไม่มีการนองเลือด แต่เป็นการดำเนินการที่สงบและประชาชนก็เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมีเหตุและผลมาจากอะไร

โดยเจตนารมณ์ในการเข้ายึดอำนาจการปกครองในครั้งนี้เกิดจากการบริหารราชการแผ่นดินโดยรัฐบาลรักษาการที่ผ่านมาได้ก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคมไทยอย่างรุนแรง อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนในสังคมไทย และยังส่อไปในทางทุจริต ประพฤติมิชอบ และเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้องอย่างกว้างขวาง มีพฤติกรรมแทรกแซงอำนาจขององค์กรอิสระ จนไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ หรือแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติให้ลุล่วงไปได้




ไปข้างบน